ฝันของคนไทยที่อยากจะเห็นระบบขนส่งมวลชนทุกระบบ ใช้บัตรเติมเงินเพื่อชำระค่าโดยสารร่วมกันได้ในบัตรเดียว แม้จะยังไม่เป็นความจริง แต่ที่ประเทศสิงค์โปรและมาเลเซียไปไกลกว่า ด้วยการออกบัตรเติมเงิน EZ-Link x Touch ‘n Go ร่วมกัน รวมร่างบัตรเติมเงินอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานจากทั้งสองประเทศ ที่จำเป็นต้องเดินทางข้ามประเทศกันบ่อยๆ
บัตรเติมเงิน EZ-Link x Touch ‘n Go เป็นการร่วมร่างกันระหว่างบัตร EZ-Link ของประเทศสิงคโปร์ ที่ใช้สำหรับการจ่ายเงินค่าผ่านทางบนถนนของระบบ Electronic Road Pricing (ERP) โดยเฉพาะ และบัตร Touch ‘n Go ของประเทศมาเลเซีย ที่ใช้สำหรับการจ่ายเงินค่ารถโดยสารสาธารณะ เช่น รถเมล์ และรถไฟฟ้า MRT รวมถึงร้านค้าต่างๆ ที่รองรับการจ่ายเงินผ่านบัตร Touch ‘n Go
อย่างไรก็ตาม บัตรเติมเงิน EZ-Link x Touch ‘n Go ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างสองประเทศ ไม่ได้เก็บเงินไว้รวมกันเป็นกระเป๋าเดียว แต่จะมีการแยกเงินออกเป็นส่วนของดอลลาร์สิงคโปร์ และส่วนของริงกิตมาเลเซียแทน ดังนั้นผู้ใช้งานจำเป็นต้องเติมเงินแยกตามสกุลเงินเพื่อใช้งานแทน
แม้ว่าในประเทศสิงคโปร์ บัตร EZ-Link จะเป็นเหมือนบัตรครอบจักรวาล เพราะครอบคลุมการใช้จ่ายแทบทุกประเภท ทั้งการจ่ายเงินค่ารถโดยสารสาธารณะ จ่ายค่าผ่านทางบนถนนของระบบ ERP รวมถึงใช้แตะจ่ายเงินแทนเงนสดในร้านค้าที่รองรับ แต่บัตร EZ-Link x Touch ‘n Go นี้ ยังคงรองรับการใช้จ่ายเพียงแค่ค่าผ่านทางบนถนนของระบบ ERP และจ่ายค่าที่จอดรถในอาคารจอดรถบางแห่งเท่านั้น ยังไม่ได้รองรับการจ่ายเงินในรถโดยสารสาธารณะในประเทศสิงคโปร์แต่อย่างใด
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะบัตร EZ-Link x Touch ‘n Go ใบนี้ เกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนของทั้งสองประเทศ ที่มีการเดินทางไปมาหาสู่กันโดยใช้รถยนต์เป็นหลัก รวมถึงช่วยลดการสัมผัสระหว่างการจ่ายเงิน ผ่านการจ่ายเงินด้วยระบบ Contactless อีกด้วย
ส่วนในประเทศมาเลเซีย บัตรใบนี้สามารถใช้จ่ายได้เหมือนบัตร Touch ‘n Go ทุกอย่าง ทั้งการจ่ายเงินค่ารถโดยสารสาธารณะ รวมถึงใช้ซื้อของต่างๆ จากร้านค้าที่รองรับได้ตามปกติ
ในช่วงแรกบัตร EZ-Link x Touch ‘n Go จะวางจำหน่ายผ่านทาง Lazada ประเทศสิงคโปร์ ในราคา 7 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 160 บาท โดยเป็นบัตรเปล่าๆ ไม่มีเงินอยู่ในบัตร และในอนาคตจะวางขายในร้านสะดวกซื้อ 7-eleven ในราคา 10 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 227 บาท แต่มีเงินอยู่ในบัตรให้พร้อมใช้งาน 3 ดอลลาร์สิงคโปร์แทน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา