ญี่ปุ่นเผยตัวเลขล่าสุดที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุนเตรียมย้ายฐานการผลิตออกจากจีนราว 87 บริษัท ส่วนใหญ่กลับประเทศญี่ปุ่นเอง ที่เหลือก็กระจายไปบางประเทศในอาเซียน
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเผยข้อมูลกลุ่มบริษัทที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเพื่อย้ายฐานการผลิตออกจากจีน กลับญี่ปุ่น และไปบางประเทศในอาเซียน ล่าสุดมีตัวเลขอย่างน้อย 87 บริษัทที่จะได้รับเงินสนับสนุนให้ย้ายสายการผลิตออกไปมูลค่าราว 7 หมื่นล้านเยน หรือ 653 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ญี่ปุ่นลดการพึ่งพาจีนและทำให้ supply chain มีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีทางเลือกให้ประเทศตัวเองเพิ่มขึ้น ไม่ต้องผูกยึดผลประโยชน์ไว้ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง เนื่องจากบทเรียนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ทั้งญี่ปุ่นและโลกได้เรียนรู้ว่า เมื่อโลกพึ่งพาจีนมากเกินไป เมื่อจีนป่วยประเทศต่างๆ ที่เหลือจะกระทบกันหมด
โดย 87 บริษัทตามที่ระบุไว้ข้างต้นนั้น แบ่งเป็น 30 บริษัทย้ายฐานการผลิตไปยังเหล่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ก็คือประเทศเวียดนามและลาว ซึ่งก็มีบริษัท Hoya อยู่ในรายชื่อนี้ด้วย (Hoya เป็นบริษัทผลิต glass disk คุณภาพสูงสำหรับบันทึกข้อมูล รายใหญ่ที่สุดในโลก)
ก่อนหน้านี้ CEO Hiroshi Suzuki ระบุว่า พิษจากโควิดกระทบ supply chain หนักหน่วง เตรียมพิจารณาจะย้ายฐานการผลิตไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก็มีฐานการผลิตเดิมทั้งในไทยและเวียดนามแล้ว ข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่าเตรียมย้ายออกจากจีนไปเวียดนามและลาว
ขณะที่กลุ่มบริษัทอื่นๆ อาทิ Sumitomo Rubber Industries ผู้ผลิตยางรายใหญ่ ที่ผลิตถุงมือยางในมาเลเซีย และบริษัท Shin-Etsu Chemical บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับซิลิโคนก็เตรียมย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนาม ส่วนอีก 57 บริษัท อาจจะมุ่งสู่ญี่ปุ่น
หลายๆ บริษัท เช่น บริษัท Iris Ohyama ผู้ผลิตสินค้าครัวเรือน ผลิตหน้ากากอยู่ในจีนก็เตรียมย้ายกลับมาผลิตในญี่ปุ่น ใช้วัตถุดิบที่จัดหาเองในทองถิ่น หรือแม้แต่บริษัท Saraya ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก็จะได้รับการสนับสนุนเช่นกัน
บริษัทต่างๆ ที่ญี่ปุ่นมีนโยบายอุดหนุนให้ย้ายฐานการผลิตมีหลากหลาย ซึ่งก็รวมถึงบริษัทผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์การบิน เครื่องยนต์ ปุ๋ย ยา และกระดาษ ซึ่งลิสต์รายชื่อยังมี Sharp, Shionogi อุตสาหกรรมยา, Terumo อุปกรณ์การแพทย์ และ Kaneka ผลิตเม็ดโฟม ฯลฯ
ที่มา – Nikkei Asian Review (1), (2)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา