ในช่วงปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าฮ่องกงจะต้องประสบกับปัญหาวิบากกรรมมากมาย ทั้งเรื่องการเมือง สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา จนทำให้ฮ่องกงต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ยังไม่รวมสถานการณ์โควิด-19 ที่ยิ่งสร้างความตึงเครียดให้กับฮ่องกงมากขึ้น
แต่ประเด็นที่ส่งผลกับความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ สร้างความกังวลให้กับชาวฮ่องกงจำนวนมากว่า กฎหมายฉบับนี้จะกระทบสิทธิและเสรีภาพที่ชาวฮ่องกงเคยมีมาตลอด 20 กว่าปี หลังจากที่อังกฤษคืนฮ่องกงให้กับจีนแผ่นดินใหญ่
โดยเฉพาะเสรีภาพในการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างอิสระ ไม่มีการควบคุมเหมือนในจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าถึงเว็บไซต์ทั่วโลกได้อย่างเสรี ทำให้ในช่วงที่ผ่านมากระแสความต้องการใช้ VPN ของคนฮ่องกงเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่า Carrie Lam ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จะยื่นยันว่ากฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ จะกระทบกับคนส่วนน้อยเท่านั้น ชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ยังคงมีเสรีภาพในเรื่องอื่นๆ เช่นเดิม
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าชาวฮ่องกงจำนวนไม่น้อย ไม่ได้เชื่อตามที่ Carrie Lam บอก เพราะจากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติฮ่องกง พบว่า ในปีที่แล้วมีชาวฮ่องกงย้ายออกไปอยู่ในประเทศอื่น 29,200 คน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2012
กระแสย้ายถิ่นฐานมาแรง ลงทุน ซื้อสังหาฯ ย้ายไปอยู่อังกฤษ
ด้วยกระแสความต้องการย้ายถิ่นฐานของชาวฮ่องกงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บริษัทหลายๆ แห่งจึงเริ่มยิงโฆษณาที่เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน รวมถึงไปลงทุนในประเทศอื่นๆ บนเว็บไซต์ Social Media ต่างๆ ทั้ง Facebook, Instagram และ YouTube โดยมีข้อความเชิญชวนให้ย้ายไปอยู่ในประเทศอื่น เช่น “ถึงเวลาตัดสินใจไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของประเทศอังกฤษ” “เชิญเข้าร่วม Webinar วิธีการขอกรีนการ์ดในประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับชาวฮ่องกง” และ “เริ่มชีวิตใหม่ในประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์”
โดยชาวฮ่องกงให้ความสนใจกับประเทศอังกฤษมากที่สุดทั้งการย้ายไปอยู่ และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่อังกฤษประกาศว่าจะอนุญาตให้ชาวฮ่องกง 3 ล้านคน ขอสัญชาติและย้ายไปอยู่ในประเทศอังกฤษได้
Mohamad Nasir ผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษเล่าว่า ความต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษของชาวฮ่องกงเพิ่มขึ้นกว่า 200% ในสัปดาห์เดียว โดยคำถามที่ชาวฮ่องกงสงสัยมีทั้งการลงทุน ค่าตอบแทนจากการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ และเรื่องการใช้ชีวิตหากย้ายมาอยู่ในประเทศอังกฤษในช่วงระเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปีต่อจากนี้ ทั้งการเตรียมการเรื่องการศึกษาให้กับลูกๆ รวมถึงเรื่องการย้ายมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
นอกเหนือจากบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของชาวฮ่องกงในประเทศอังกฤษแล้ว บริษัทจากประเทศอื่นๆ ก็กำลังเลือกสนใจลูกค้าชาวฮ่องกงมากขึ้น จากเดิมที่เคยสนใจลูกค้าชาวสหรัฐอเมริกาเป็นพอเศษ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินบางรายคาดการณ์ว่า ปรากฎการณ์ความต้องการลงทุนของชาวฮ่องกงในต่างประเทศครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนย้ายการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของชาวฮ่องกงนับตั้งแต่ปี 1997 ที่อังกฤษส่งคืนฮ่องกงให้กับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยชาวฮ่องกงหวังว่าจะย้ายไปลงทุนในตลาดที่พวกเขารู้สึกว่ามีความมั่นคง และปลอดภัยมากที่สุด
ที่มา – cnbc
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา