เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Tinder แอปพลิเคชันปัดซ้ายขวาหาคู่ ได้ประกาศว่าจะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ โดยมีฟีเจอร์สำคัญคือการวิดีโอคอล ซึ่งในวันนี้ฝันของคนที่อยากเห็นหน้าว่าที่คนรักในอนาคตแบบตัวเป็นๆ ก็เกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะ Tinder ประกาศว่าได้เริ่มทดสอบฟีเจอร์วิดีโอคอลผ่านแอปฯ ในผู้ใช้บางคนแล้ว
ฟีเจอร์วิดีโอคอลผ่านแอปพลิเคชัน Tinder นี้ ยังอยู่ระหว่างการทดสอบ โดยกลุ่มประเทศแรกๆ ที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา บราซิล ออสเตรเลีย สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เวียดนาม เกาหลีใต้ ไต้หวัน เปรู ชิลี และ ประเทศไทย ซึ่ง Bernadette Morgan วิศวกรของ Tinder เล่าว่า ในขณะนี้ฟีเจอร์วิดีโอคอลยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ เพื่อดูว่าระบบจะสามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้หรือไม่ หลังจากนั้นจะค่อยๆ ทยอยปล่อยฟีเจอร์นี้ให้คนทั่วไปใช้ต่อไป
การพัฒนาฟีเจอร์วิดีโอคอลนี้ ในตอนแรก Tinder เล่าว่ามีความตั้งใจพัฒนาฟีเจอร์วิดีโอคอลตั้งแต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถออกไปเจอคู่แมตช์ตัวเป็นๆ ได้ Tinder จึงตัดสินใจเร่งพัฒนาฟีเจอร์นี้ให้เร็วยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ Tinder ประกาศว่าจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์วิดีโอคอลในอนาคต ก็สร้างความกังวลให้กับหลายๆ ฝ่ายว่า ฟีเจอร์วิดีโอคอลจะถูกนำมาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ Tinder จึงได้ออกแบบระบบวิดีโอคอลให้แตกต่างจากแอปพลิเคชันสนทนาเจ้าอื่นๆ โดยผู้ใช้งานทั้งสองฝ่ายต้องแมตช์กันก่อน จึงจะมีปุ่มวิดีโอคอลแสดงให้เห็น เมื่อต้องการวิดีโอคอลทั้งสองฝ่ายต้องกดปุ่มเพื่อยืนยันการวิดีโอคอลทั้งคู่
เงื่อนไขในการใช้งานวิดีโอคอลคือ ต้องไม่ใช้เพื่อการแสดงสิ่งอนาจาร โป๊เปลือย ความรุนแรง คำหยาบคาย รวมถึงถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่ผิดกฎหมาย หน้าจอที่ใช้ในการวิดีโอคอลจะแสดงภาพของทั้งสองฝ่ายอย่างละครึ่ง มีขนาดเท่าๆ กัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายแน่ใจว่าตัวเองดูดีพอ และไม่มีฉากหลังที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นในขณะวิดีโอคอล
นอกจากนี้หลังจบการวิดีโอคอล สามารถเลือกได้ว่าจะกลับมาวิดีโอคอลกับคนๆ นี้อีกครั้งหรือไม่ และสามารถกด Report เพื่อรายงานความผิดปกติและความไม่เหมาะสมของคนที่เราวิดีโอคอลด้วยได้
สิ่งที่ผู้ใช้งานควรระวังคือ ในขณะนี้ Tinder ยังยอมรับว่าในขณะวิดีโอคอลยังสามารถจับภาพหน้าจอ หรือบันทึกหน้าจอได้อยู่ แต่ในขณะนี้ Tinder ก็กำลังทดสอบการบล็อคไม่ให้จับภาพและบันทึกหน้าจอได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะทำ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา