สถานะจีนในปัจจุบันกำลังเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก ทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านความมั่นคง จีนเปิดหน้าสร้างศัตรูทั้งฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย ออสเตรเลีย ประเทศแถบทะเลจีนใต้ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาคู่ขัดแย้งในสงครามการค้าเดิมด้วย ล่าสุด ทั้งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ฝ่ายยุติธรรม ฝ่ายต่างประเทศของสหรัฐฯ และ FBI พยายามประกาศจุดยืนให้โลกเห็นว่าจีนกำลังเป็นภัยคุกคามกับสหรัฐฯ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง การศึกษา ฯลฯ
Christopher Wray ผู้อำนวยการ FBI (Federal Bureau of Investigation) กล่าวถึงประเด็นภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีอิทธิพลในสหรัฐอเมริกาและพูดถึงบทบาทขององค์กร FBI ที่พยายามจำกัดอิทธิพลจีนที่ Hudson Institute วอชิงตัน ดี.ซี เมื่อ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ความเป็นผู้นำของทรัมป์ ปลุกให้จีนกลายเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ?
Christopher Wray ผู้อำนวยการ FBI พูดถึงภัยคุกคามจากรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เขาบอกว่า จีนเป็นภัยคุกคามข้อมูลข่าวสารและทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศชาติอย่างยาวนาน การต่อต้านข่าวกรอง (counterintelligence) และภัยจากการโจรกรรมทางเศรษฐกิจจากจีน
จากนั้น Wray ก็อ้างถึงคำกล่าวของ Robert C. O’Brien ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ที่กล่าวไว้เมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ทุกวันนี้ เราไม่สามารถปิดหู ปิดตาตัวเองจากสิ่งที่จีนทำได้ มันเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ มันเป็นเรื่องใหญ่มากจนรัฐมนตรียุติธรรม William Barr รัฐมนตรีต่างประเทศ Pompeo และผู้อำนวยการเอฟบีไอ Wray จะต้องนำมาพูดถึงอีกในสัปดาห์ถัดไป
O’Brien พูดถึงความเป็นผู้นำของทรัมป์ในปัจจุบัน ปลุกให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีท่าทีเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ การที่สหรัฐฯ ต้อนรับจีนเข้ามาในองค์การการค้าโลก (WTO) ตั้งแต่ปี 2001 ทำให้จีนได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ตลอดจนการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเหตุการณ์เทียนอันเหมิน การเมินเฉยต่อการขโมยเทคโนโลยีของจีนมีผลต่อเศรษฐกิจอเมริกัน
จีนใช้อำนาจเผด็จการ ครอบงำสื่อ เซ็นเซอร์ข้อมูล สอดแนมผ่านแอปพลิเคชัน
O’Brien กล่าวว่า สหรัฐฯ ประเมินผิด เป็นความล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่ของนโยบายต่างประเทศตั้งแต่ทศวรรษ 1930 แล้ว เป็นความเข้าใจผิด เป็นความไม่เข้าใจธรรมชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เราปิดหู ปิดตาตัวเอง เราเชื่อในสิ่งที่เราต้องการเชื่อ เรามองว่า สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มันเป็นแค่ชื่อ แต่เอาเข้าจริงแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนคือองค์กรมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์ โดยมี Xi Jinping เป็นเลขาธิการพรรค ที่มองตัวเองเป็นผู้สืบทอดต่อจาก Josef Stalin
จากนั้น O’Brien ก็อ้างข้อความจากนักข่าวซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐของออสเตรเลียที่บอกว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เคยแยกขาดจาก Stalin ซึ่งเป็นเผด็จการ ทั้ง Lenin, Stalin และ Mao ล้วนเป็นคอมมิวนิสต์ที่มีอุดมการณ์แบบเผด็จการ อุดมการณ์เช่นนี้ฝังรากลึกอยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ต้องการจะควบคุมชีวิตประชาชนตลอดเวลา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงความคิดของผู้คนด้วย
การโฆษณาชวนเชื่อมีบทบาทสำคัญต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีลักษณะครอบงำความคิดทางการเมืองของรัฐ การให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน การแบนข้อมูลข่าวสารจากโลกภายนอก เช่น Twitter, Facebook และ WhatsApp เหล่านี้เป็นไปตามคำกล่าวขานที่เรียกว่า “Xi Jinping Thought” เป็นการพยายามเซ็นเซอร์เนื้อหาในจีนและกักขังทุกคน
O’Brien พูดถึงการใช้งาน TikTok โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มสัญชาติจีนที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสอดแนม ไปจนถึงการระงับ account ใน Twitter กว่า 23,000 แอคเคาท์ที่เชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน การเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเรื่องฮ่องกงและโควิด-19
จากนั้น O’Brein ก็พูดถึงสิ่งที่สหรัฐฯ รับมือจีนด้วยการตั้งข้อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การแบน Huawei, การจำกัด Visa, การตั้งข้อจำกัดการส่งออก – หยุดการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย เช่น สินค้าที่มีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์, การออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติเพื่อประท้วงการรับจีนเข้าเป็นสมาชิก ตลอดจนการระงับความสัมพันธ์กับ WHO และการจำกัด Visa ของสปายในคราบนักศึกษา ไปจนถึงระงับการลงทุนในบริษัทจีน เป็นต้น
จากที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติถึง FBI: จีนคือภัยคุกคามทั้งความมั่นคง ทั้งเศรษฐกิจ
Christopher Wray ผู้อำนวยการ FBI ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นเหยื่อของจีน ถูกจีนขโมยความมั่งคั่งไป ในปี 2017 ทหารจีนแฮ็กข้อมูลลูกค้าชาวอเมริกันจากบริษัทข้อมูลเครดิต Equifax ไปราว 150 ล้านบัญชี ทั้งนี้ Wray ย้ำว่าอเมริกาต้อนรับนักศึกษาจีนมาเรียนและทำวิจัยในประเทศทุกปี ในที่นี้ จึงไม่ได้หมายถึงนักเรียน นักศึกษา แต่หมายถึงภัยคุกคามจีนจากรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้น
จากนั้น Wray ก็พูดถึงการโจรกรรมทางเศรษฐกิจของจีน คือความทะเยอทะยานของจีนที่ต้องการจะแซงหน้าอเมริกา ต้องการจะมีเทคโนโลยีล้ำหน้าเหนือใคร แต่ในความเป็นจริงคือการที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ บ่อยครั้ง ทำให้บริษัทของชาวอเมริกันเป็นเหยื่อ
บริษัทของสหรัฐฯ ใช้เวลายาวนานหลายปีในการพัฒนาเทคโนโลยี แต่จีนขโมยมันไปด้วยการทำซ้ำ
จากนั้น Wray ก็ยกตัวอย่างของสายลับจีนที่มาปฏิบัติการขโมยข้อมูลข่าวสารของสหรัฐฯ เพิ่มอีก เช่น การแฮกข้อมูลบริษัท Anthem ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันสุขภาพของสหรัฐฯ ไปแล้วกว่า 80 ล้านรายการ นอกจากนี้ยังเป็นภัยคุกคามทางการศึกษา เช่นการจ้างนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในอเมริกาเพื่อขโมยความรู้และนวัตกรรมลับกลับไปให้จีน
บทบาทจีนในการใช้อิทธิพลในเวทีระหว่างประเทศ การใช้โครงการ Fox Hunt ล่าเหยื่อกลับจีน
จีนพยายามใช้อิทธิพลในเวทีระหว่างประเทศ อาทิ อเมริกาเตรียมเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่จีนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะการเยือนดังกล่าวเท่ากับแสดงให้เห็นว่าเพิ่มความชอบธรรมให้ไต้หวันเป็นอิสระจากจีน จีนจะมีวิธีจัดการหลากหลาย อาทิ การระงับใบอนุญาติการผลิตในจีน กดดันให้เปลี่ยนแผนการเดินทางเป็นต้น
นอกจากนี้ จีนยังเป็นภัยคุกคามต่อหลักนิติธรรม (Rule of Law) นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา จีนนำโดยเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน Xi Jinping วางตัวเป็นหัวหอกในโครงการที่รู้จักกันในนามว่า “Fox Hunt” คือการรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชันระหว่างประเทศ Xi Jinping จะใช้ “Fox Hunt” เพื่อตามล่าใครก็ตามที่เป็นภัยคุกคามของชาติและอาศัยอยู่นอกจีนทั่วโลกซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เป็นศัตรูทางการเมือง พวกเห็นต่างทางการเมือง รวมถึงผู้ที่ออกมาเปิดโปงจีนที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
เหยื่อจากโครงการ Fox Hunt อาศัยในสหรัฐอเมริกานับร้อยๆ ราย บ้างก็เป็นพลเมืองอเมริกัน หรือไม่ก็ถือกรีนการ์ด (บัตรที่สหรัฐฯ อนุญาตให้สามารถมาพักอาศัยในประเทศได้ รวมถึงทำงานได้อย่างถาวรโดยไม่ต้องขอวีซ่า) รัฐบาลจีนจะบังคับให้ผู้คนเหล่านี้กลับจีนและพยายามใช้แทคติกหลากหลาย เช่น การไปเยือนครอบครัวของเหยื่อในอเมริกาเพื่อส่งสัญญาณให้เหยื่อกลับจีนทันที หรือไม่ก็ปลิดชีพตัวเองเสีย
นอกจากนี้ ในอดีตจีนก็เคยข่มขู่ คุกคามครอบครัวชาวจีนเพื่อบังคับให้กลับจีนด้วย จากนั้น Wray ก็ย้ำว่า ชาวจีนคนไหนที่เชื่อว่ารัฐบาลจีนกำลังล่าตัวอยู่ ขอให้ติดต่อสำนักงาน FBI ในท้องที่เพื่อรับความช่วยเหลือได้
สุดท้ายแล้ว Christopher Wray ก็สรุปว่า ภัยคุกคามดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าสหรัฐฯ ไม่ควรทำธุรกิจกับคนจีน ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรต้องรับการมาเยือนของชาวจีน ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรต้อนรับนักเรียนจีนหรือไม่ควรปล่อยให้จีนมีบทบาทในเวทีโลก แต่ทั้งหมดที่กล่าวมามันหมายความว่าเมื่อจีนกระทำความรุนแรงต่อธรรมเนียมปฏิบัติของสากล เราจะไม่ทนต่อไป ทั้ง FBI ทั้งพาร์ทเนอร์ของเรา ตลอดจนรัฐบาลสหรัฐฯ จะทำให้จีนต้องรับผิดชอบและปกป้องนวัตกรรมของประเทศชาติ แนวคิด วิถีชีวิต และช่วยกันระแวดระวังให้กับบชาวอเมริกัน
(*Hudson Institute* ทำงานแบบเดียวกับ think tank เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา เน้นเสนอนโยบายสาธารณะรวมถึงนโยบายที่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การทหารด้วย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1961 โดย Herman Kahn, Max Singer และ Oscar M. Ruebhausen)
ที่มา – FBI, The White House, Hudson Institute
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา