ไทยถือเป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ของโลกที่มีการนำเทคโนโลยี 5G มาให้บริการเชิงพาณิชย์ และด้วยประโยชน์ของ 5G ที่มีมากกว่าแค่ความเร็วอินเทอร์เน็ต AIS จึงนำข้อดีต่างๆ ของเทคโนโลยีนี้มาฟื้นฟูประเทศไทยหลัง COVID-19
Fall Fight Future คือแกนหลัก
จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทั้งในประเทศไทย และระดับโลก ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เพราะต้องมีการปิดประเทศ, ผู้บริโภคควบคุมค่าใช้จ่าย และอื่นๆ ทำให้การจับจ่ายในประเทศนั้นหดตัว แต่ด้วยบริการโทรคมนาคมกลายเป็นพื้นฐานในการสื่อสารของยุคนี้ ทำให้ผลกระทบที่ได้รับอาจไม่ได้มากขนาดนั้น
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS เล่าให้ฟังว่า ระหว่างการระบาดของโรค COVID-19 การใช้งานบริการโทรคมนาคมของผู้บริโภคมีมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรบริษัทก็พร้อมช่วยเหลือให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านบริการโทรคมนาคมได้ เช่นการร่วมมือกับกสทช. ในการให้อินเทอร์เน็ตฟรี
อย่างไรก็ตาม AIS ยังพร้อมช่วยเหลือเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันหลัง COVID-19 ผ่านแนวคิด Fall-Fight-Future หรือความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G เข้าไปพลิกโฉมในหลายอุตสาหกรรม ให้สามารถให้บริการในยุค New Normal หรือความปกติใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตั้งงบลงทุน 35,000-45,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เพื่อเดินหน้ากลยุทธ์ดังกล่าว AIS เตรียมงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 35,000-45,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ยิ่งการที่ AIS ครอบครองคลื่อนความถี่มากที่สุด ทำให้สามารถให้บริการได้ครอบคลุมความต้องการของทุกอุตสาหกรรมเช่นกัน
“ในยุค 3G เราช้ากว่าประเทศอื่น 10 ปี และ 4G เราก็ยังช้ากว่าประเทศอื่น 5 ปี แต่ไม่ใช่กับ 5G ที่เราพัฒนาไปไม่ช้ากว่าใคร หรือเทียบเท่ากับประเทศชั้นนำในระดับโลก ดังนั้นการนำเทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วมาประยุกต์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ย่อมเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของไทย”
อย่างไรก็ตาม AIS ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นภาคสาธารณสุข, ภาคอุตสาหกรรมในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC), ภาคการค้าปลีก, ภาคการท่องเที่ยว และภาคการเกษตร ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยที่มีการท่องเที่ยว, การส่งออก และการลงทุนเป็นหัวใจ
ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมโตครึ่งปีหลัง
เพื่อให้บริการ 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ AIS ได้ขยายโครงข่าย 5G ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดแล้ว พร้อมใช้ระบบ 5G Network Slicing ที่เสมือนมีหลากหลายเครือข่ายอยู่ในเครือข่ายเดียว ทำให้ออกแบบเครือข่ายได้ยืดหยุ่น รวมถึงเทคโนโลยี NSA/SA Dual Mode ที่ผสาน 5G และ 4G อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อได้ใช้งานดาต้าที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกันด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มดีขึ้นในประเทศไทย ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ AIS น่าจะมีผลประกอบการที่ฟื้นตัวจากช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 และในช่วงสิ้นปีจะยังสามารถเติบโตได้เหนืออัตรา GDP ของประเทศไทยตามที่เคยทำได้มาโดยตลอด
นอกจากการยกระดับอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี 5G แล้ว AIS ยังเตรียมพร้อมแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในชื่อ LearnDi จาก AIS Academy for Thais เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งให้กับประชาชนในประเทศ สามารถพาพวกเขาผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปได้
สรุป
การเดินหน้า 5G ของ AIS แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัว และความต้องการนำเทคโนโลยีมาช่วยประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ แต่ถึงอย่างไร ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้น่าจะซบเซา และก็คงต้องดูกันว่าผู้ให้บริการรายอื่นที่ได้คลื่นสำหรับทำ 5G ไป จะนำมากระตุ้นประเทศชาติอย่างไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา