ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์หลายๆ คนคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 12-18 เดือนในการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่าจะมีหลายหน่วยงานทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนอยู่ก็ตาม
Moderna บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีของคนทั่วโลกที่กำลังรอวัคซีนอย่างมีความหวัง โดย Moderna ได้ทำการทดลองวัคซีนในเฟส 2 กับผู้ร่วมทดลองจำนวน 45 คน โดยแบ่งให้ผู้ร่วมทดลองได้รับวัคซีนในปริมาณที่ไม่เท่ากัน แบ่งเป็น 25 100 และ 250 ไมโครกรัม อย่างละ 15 คน โดยผลการทดลองที่ได้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จนทำให้หุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นกว่า 20%
ในวันที่ 43 ของการทดลอง ผู้ที่ได้รับวัคซีนในปริมาณ 25 ไมโครกรัม มีปริมาณ Antibody ที่พบในเลือดในปริมาณใกล้เคียงกับผู้ที่หายป่วยด้วยโรคโควิด-19 ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนในปริมาณ 250 ไมโครกรัม มีปริมาณ Antibody ในเลือดมากกว่าผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19
แต่อย่างไรก็ตามผลการทดลองพบว่า วัคซีนที่กำลังพัฒนาอยู่สามารถผลิต Neutralizing antibody ซึ่งทำหน้าที่จับอนุภาคของไวรัสไม่ให้เข้าไปในเซลล์ใหม่ ได้ในผู้ร่วมทดลองเพียง 8 คนเท่านั้น ซึ่ง Neutralizing antibody ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างแท้จริง
นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกหวังว่า Antibody จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ได้ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีผลการศึกษายืนยันอย่างชัดเจน รวมถึงพบว่าผู้ป่วยบางคนที่ได้รับการรักษาจนหายแล้ว ยังสามารถกลับไปติดเชื้อโควิด-19 ได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำการศึกษาต่อไป
ในขณะนี้มีผู้ที่กำลังพัฒนาวัคซีนโควิด-19 อยู่นับร้อยแห่งทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามีผู้พัฒนาวัคซีนอย่างน้อย 8 แห่งกำลังอยู่ในขั้นตอนทดสอบกับมนุษย์แล้ว ส่วนการพัฒนาวัคซีนของ Moderna จะเข้าสู่การทดลองในเฟสที่ 3 ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ และหากผลการทดลองไม่มีปัญหาคาดการณ์ว่าจะสามารถผลิตวัคซีนเพื่อวางขายได้ในช่วงต้นปี 2021
ที่มา – cnbc
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา