แม้จะพลิกธุรกิจมาเติบโตอีกครั้ง แต่การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ Sony ตกที่นั่งลำบาก เพราะการผลิตมีปัญหา, ลูกค้าชะลอจับจ่าย และปัจจัยลบอื่นๆ จน Sony ยอมรับว่า กำไรจากการดำเนินงานจะลดลงอย่างน้อย 30%
เทคโนโลยีใหม่ไม่ช่วยอะไร
การกลับมาเติบโตของ Sony ในระยะหลังมาจากการส่งนวัตกรรมใหม่ออกมา เช่นเซ็นเซอร์รับภาพประสิทธิภาพสูงสำหรับโทรศัพท์มือถือ ที่มีทั้ง Apple และแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออื่นๆ เลือกใช้ รวมถึงธุรกิจเกมที่ยังคงได้รับความนิยม และทำกำไรให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามการการระบาดของโรค COVID-19 อย่างหนักในช่วงต้นปี 2563 ทำให้หลายธุรกิจดั้งเดิมของ Sony มีปัญหา ไล่ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า, ธุรกิจสร้างภาพยนตร์ และอื่นๆ ซึ่งเป็นที่มาของการประกาศผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2562 (เม.ย. 2562-มี.ค. 2563) ว่ามีกำไรจากการดำเนินงานลดลงถึง 57%
ส่วนทั้งปีงบประมาณ 2562 ทาง Sony ปิดที่ 8.25 ล้านล้านเยน ลดลง 5% จากปีงบประมาณก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานที่ 8.45 แสนล้านเยน ลดลง 5% ซึ่งแนวโน้มของการลดลงในปีงบประมาณนี้ยังมีอยู่ เพราะไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตโรค COVID-19 จะสิ้นสุดเมื่อไร
“บริษัทสามารถยกระดับเทคโนโลยีมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเซ็นเซอร์รับภาพโทรศัพท์มือถือ รวมถึงเครื่องเกม PlayStation ยังสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคในช่วงกักตัวได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อพวกเขาออกไปจับจ่ายได้ลำบาก ธุรกิจของบริษัทก็คงเติบโตลำบากเช่นกัน” Kenichiro Yoshida ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sony กล่าว
จากเหตุนี้เองทำให้ Sony เลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวเลขเป้าหมายรายได้ และกำไรของปีงบประมาณ 2563 (เม.ย. 2563-มี.ค. 2564) ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น โดย Sony คาดการณ์เพียงกำไรจากการดำเนินงานที่น่าจะลดลงจากปีงบประมาณก่อนอย่างน้อย 30%
สรุป
ถึงธุรกิจเกม และเซ็นเซอร์รับภาพจะทำได้ค่อนข้างดี แต่นั่นก็ไม่สามารถช่วยให้ Sony รอดพ้นวิกฤต COVID-19 ไปได้ ดังนั้นต้องรอดูการแก้เกมของ Sony ต่อไปว่าเอาอย่างไรต่อ เพราะล่าสุดออกมาบอกว่าตัวธุรกิจเกมทุกอย่างยังเดินแผนเดิมคือเปิดตัว PlayStation 5 สิ้นปีนี้ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะกลับมาผลิตให้เต็มที่ให้เร็วที่สุด
อ้างอิง // Japan Times, Sony
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา