ต้องบอกว่า เรื่องสนับสนุนให้ประชาชนปรับตัวสู้กับโควิด-19 ได้ สิงคโปร์คือหนึ่งในประเทศที่มีมาตรการเช่นนั้นมาอย่างต่อเนื่อง หากไม่เจอการระบาดอย่างหนักในหมู่แรงงานต่างชาติเสียก่อน สิงคโปร์อาจเป็นหนึ่งในผู้นำที่จัดการโควิด-19 ได้ดีอันดับต้นๆ เช่นกัน
อย่างไรก็ดี สิงคโปร์ยังให้ความเห็นกับเหตุการณ์ที่ตัวเลขคนติดเชื้อพุ่งขึ้นในหมู่แรงงานต่างชาติว่า รัฐบาลยังดูแลได้ไม่ดีนัก และยืนยันจะดูแลเต็มที่ ดูแลแรงงานต่างชาติให้เหมือนกับดูแลชาวสิงคโปร์เช่นกัน
ล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมขยายเวลาให้เงินสนับสนุนผู้ทำธุรกิจร้านอาหารให้ขยายบริการเชื่อมแพลตฟอร์มที่สามารถ Delivery ได้ ด้วยเงินราว 500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.6 หมื่นบาท ซึ่งเป็นนโยบายที่สิงคโปร์เคยให้เงินอุดหนุนไปก่อนหน้าแล้ว
โดยรัฐจะให้เงินส่งเสริมผู้ทำธุรกิจด้านอาหารที่เป็นหาบเร่แผงลอย ที่ทำมาหากินอยู่ใน hawker centre (Hawker Centre หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นศูนย์อาหารที่สิงคโปร์จัดตั้งขึ้น เพื่อจัดระเบียบให้ร้านอาหารหาบเร่แผงลอยนี้ไปรวมอยู่ในที่เดียวกัน)
ศูนย์อาหารหาบเร่แผงลอยนี้อยู่ภายใต้ NEA (NEA: National Environment Agency หรือองค์การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสิงคโปร์) ซึ่ง NEA จะเป็นผู้ประสานกับภาคีที่ 3 ผู้ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดส่งอาหารตั้งแต่ 7 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม ซึ่งใครที่ลงทะเบียนก่อนวันที่ 7 เมษายนก็จะได้รับทุนสนับสนุนนี้ไป (ในรอบก่อนหน้า) ในรอบนี้ก็จะขยายไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน
ในการนี้ Dr. Amy Khor รัฐมนตรีอาวุโสด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมระบุว่า การสนับสนุนธุรกิจอาหารหาบเร่แผงลอยนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยทุนในการสนับสนุนเพื่อให้ร้านอาหารเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Delivery เท่านั้น แต่ยังออกแพคเกจให้ด้วย เรียกว่า Food Delivery Booster Package เพื่อสนับสนุนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่จะสามารถเปลี่ยนผ่านตัวเองจากโลกออฟไลน์มาออนไลน์ได้ด้วย ซึ่งก็มีข้อริเริ่มต่างๆ ดังนี้
- สนับสนุนให้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage หรือ F&B) ได้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มที่ให้บริการ Delivery
- สนับสนุนธุรกิจ F&B ได้ใช้แพลตฟอร์ม Delivery โดยที่ลดต้นทุนของธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม 6 แห่ง อาทิ Bungkus, Chope, Deliveroo, foodpanda, GrabFood และ Startaster
- พัฒนาศักยภาพในการสั่งอาหาร ทั้งในด้านการพัฒนาแพคเกจ การสั่งอาหาร เครื่องมือในการสั่งอาหารต่างๆ เป็นต้น
- รวมทั้งสร้างศักยภาพให้เป็นวิถีดิจิทัลในระยะยาว
ที่มา – The Straits Times (1), (2), (3), ดูรายละเอียดแพคเกจอย่างละเอียด ที่นี่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา