นักวิจัย Harvard ชี้ Social Distancing จะต้องอยู่กับเราไปจนถึงปี 2022 ยกเว้นว่าจะมีวัคซีนออกมาได้ ซึ่งไม่งั้นแล้วระบบสาธารณสุขจะไม่สามารถรับปริมาณผู้ติดเชื้อ COVID-19 ได้
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้เผยแพร่บทความวิชาการทางวิทยาศาสตร์หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในหลายๆ ประเทศในขณะนี้ว่าเราอาจต้องอยู่ช่วงการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ไปจนถึงปี 2022 เพื่อที่จะลดผลกระทบที่จะเกิดเหตุการณ์ที่คนไข้ล้นระบบสาธารณสุขจนรองรับไม่ไหว และถ้าหากยกเลิกการเว้นระยะห่างทางสังคม ก็จะมีโอกาสที่ COVID-19 จะแพร่ระบาดเพิ่มอีก ขณะที่โลกยังไม่สามารถค้นพบวัคซีนหรือยารักษาโรคในขณะนี้
- Social Distancing: โรคระบาด COVID-19 สอนให้มนุษย์หยุดเป็น “สัตว์สังคม” สักระยะ
- Social Distancing ระยะ “ห่าง” ระหว่างลูกค้า การปรับตัวของธุรกิจ Retail ยุค COVID-19
- กันยายนนี้อาจเปิดเทอมไม่ได้ มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ คาด อาจเปิดเทอมได้ปีหน้า ปี 2021
Stephen Kissle ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ ได้กล่าวว่าถึงกรณีในสหรัฐว่า การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อล้นเกินที่ระบบสาธารณสุขในสหรัฐจะรองรับไหว และมาตรการที่ใช้การเว้นระยะห่างทางสังคมแค่ครั้งเดียวก็ไม่เพียงพอด้วย
ในบทความวิชาการยังได้กล่าวถึงว่ามาตรการปิดเมือง หรือ Lock Down เพียงแค่ครั้งเดียวจะไม่สามารถทำให้ไวรัสหายไปได้ โดยที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ของฮาร์วาร์ด ได้ใช้ลักษณะการจำลองการแพร่ระบาดของ SARS มาใช้กับ COVID-19 เพื่อศึกษาการแพร่ระบาด
นอกจากนี้ในบทความวิชาการยังกล่าวถึง COVID-19 นั้นอาจเป็นโรคระบาดตามฤดูกาลด้วย ซึ่งคล้ายกับกรณีของไข้หวัดใหญ่ นั่นแปลว่าฤดูหนาวถัดไปอาจมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้อีกรอบและมีการแพร่กระจายได้สูง แม้ว่าอาจมีความรุนแรงน้อยกว่าตอนนี้ แต่ต้องจับตามองถึงความสามารถในการรองรับของระบบสาธารณสุขด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นปัจจัยสำคัญที่นักวิจัยยังไม่สามารถยืนยันได้คือ ผู้ที่ติด COVID-19 แล้วนั้น จะมีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับการติดเชื้อซ้ำได้อีกหรือไม่ ซึ่งความหวังอย่างเดียวตอนนี้คือการรอวัคซีนและยารักษาต่อไป
ที่มา – The Jakarta Post, The Guardian, CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา