ไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนคือเบอร์หนึ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะการสนับสนุนจากภาครัฐแบบสุดๆ แต่หลังจากนี้มันจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะความเข้มงวดเรื่องมลพิษในกลุ่มยุโรป ทำให้ที่นั่นเป็นตลาดอันดับหนึ่งแทน
แบรนด์ผู้ผลิตจากเยอรมนีเปิดเกมรุก
หากอ้างอิงจากผลสำรวจล่าสุดของบริษัทวิจัย McKinsey จะพบว่า ประเทศเยอรมนีจะกลายเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ผ่านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 1.7 ล้านคัน ซึ่งเหนือกว่าการผลิตในประเทศจีนเล็กน้อย เพราะความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มยุโรปเพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์เยอรมนีต่างจริงจังในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน เพราะความเข้มงวดเรื่องการปล่อยมลพิษในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น BMW ที่ยกเลิกแผนทำตลาดรถไฟฟ้าล้วนรุ่น iX3 ในสหรัฐอเมริกา แต่เปิดเกมรุกตลาดยุโรป เหมือน Audi, Mercedes-Benz และแบรนด์อื่นๆ” Nicolai Müller นักวิเคราะห์ของ McKinsey กล่าว
จากการเดินหน้าทำตลาดนี้เอง ส่วนแบ่งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของแบรนด์จากเยอรมนีเมื่อเทียบกับการผลิตจากแบรนด์ทั่วโลกจะเพิ่มจาก 18% ในปี 2562 เป็น 29% ในปี 2567 ถือว่ามากที่สุดในโลก นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในกลุ่มยุโรปจะเติบโตเป็นเลขสองหลักในปี 2564 และสามารถจำหน่ายได้กว่า 1 ล้านคัน/ปี ด้วย
ในทางกลับกันการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในประเทศจีนเติบโตแค่ 3% เป็น 1.2 ล้านคัน รวมถึงสหรัฐอเมริกาก็ลดลง 10% เหลือ 3.3 แสนคัน เรียกว่าทั้งคู่ต่างเติบโตลดลง แถมแบรนด์สหรัฐอเมริกาก็เตรียมไปตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในเยอรมนีเพิ่ม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่ยุโรปเช่นกัน
สรุป
หลังจากปล่อยให้แบรนด์จีนผยองมาเป็นเวลาระยะหนึ่ง ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนีก็เตรียมทวงตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ผ่านความน่าเชื่อถือเรื่องแบรนด์ และความจริงจังในการลงทุนพัฒนา ส่วนตัวมองว่า หากยังเป็นอย่างนี้อยู่ งานหนักน่าจะอยู่ที่แบรนด์ญี่ปุ่นที่น่าจะมีพื้นที่ยืนลำบากแน่ๆ
อ้างอิง // Electrek
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา