Lalamove ระดมทุน 30 ล้านดอลลาร์ ขึ้น Series B

เรียกว่าเติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับ Lalamove เพราะระดมทุนรอบ Series B ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยรอบนี้คิดเป็นมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การบริการขนส่งสินค้าไปเป็น 100 เมืองก็คงไม่ยากเกินไป

รักษาพื้นที่ตลาดเอเชียผ่านขนส่ง 5 แสนราย

สำหรับการระดมทุนรอบ Series B ประกอบด้วย Xianghe Capital หรือ Venture Capital ในกรุงปักกิ่ง ที่ก่อตั้งโดยนายเฮซอง ทัง อดีตผู้บริหารของบริษัท Baidu M&A ร่วมด้วยแบล็คโฮลแคปปิตัล (Blackhole Capital) และนักลงทุนรายเดิมคือ MindWorks Ventures, Crystal Stream รวมถึงนักลงทุนจากประเทศไทย บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และการระดมทุนรอบนี้ได้เงินทั้งหมด 30 ล้านดอลลาร์ มากกว่าทุกรอบที่ผ่านมา ทำให้ภายใน 2 ปี กับการะดมทุนทั้ง 3 รอบ Lalamove ได้เงินลงทุนไปทั้งหมด 60 ล้านดอลลาร์

โดยเงินลงทุนก้อนใหม่ Lalamove จะใช้เพื่อขยายไปยังเมือต่างๆ อีก 60 แห่งภายในสิ้นปี 2560 เพื่อให้ครบทั้ง 100 เมืองตามเป้าหมาย ผ่านคนขับรถขนส่งกว่า 5 แสนรายในระบบ และมีตลาดเอเชียเป็นพื้นที่ที่ครอบคลุมการให้บริการมากที่สุด โดยในประเทศไทย บริษัทจะขยายบริการให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงหาพาร์ทเนอร์รายใหม่เพื่อสร้างรายได้ เช่นปี 2559 ได้จับมือกับ Line เพื่อร่วมให้บริการ Line Man บริการรับส่งสิ่งของ และพัสดุเต็มรูปแบบ รวมถึงได้ร่วมงานกับบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Google และ Ikea เช่นเดียวกัน

Logistic ในจีนใหญ่กว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์

ชิง เชา ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ Lalamove เล่าให้ฟังว่า ตลาดโลจิสติกในประเทศจีนมีมูลค่าสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคิดเป็น 27% ของ GDP บางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นการจัดส่งสินค้าจึงจำเป้นในการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ และถึงนวัตกรรมการขนส่งอาจไม่ก้าวเร็วขนาดโลกโทรคมนาคม แต่เชื่อว่าด้วยเค้กขนาดใหญ่ ทำให้อนาคตจะมีบริษัทใหม่ๆ เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการการขนส่งที่มีไม่สิ้นสุด และน่าจะทำให้เค้กก้อนนี้เติบโตขึ้นไปอีก

สรุป

Lalamove คืออีกบริการขนส่งที่น่ากลัวในตลาดตอนนี้ เพราะด้วยการขยับตัวที่รวดเร็ว, การหาพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างรายได้อีกทาง รวมถึงเงินทุนที่ได้รอบใหม่ ทำให้คู่แข่งคงต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนฝั่งผู้บริโภคน่าจะได้ประโยชน์มากขึ้นอีก เพราะเมื่อมีการแข่งขัน การทำโปรโมชั่นก็น่าจะทำให้การใช้งานเอื้อมถึงได้มากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา