ได้ยินข่าวกันมาสักพักแล้ว ว่าเครือโรงแรม Marriott จะลงมาสู้ในศึกให้เช่าที่พัก เพราะถูก disrupt อย่างรุนแรงจากผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ในตลาด รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
แต่คำถามคือ Marriott จะเดินเกมอย่างไรเพื่อสู้ในศึกที่พัก บทความนี้จะพาไปหาคำตอบ
ประเมินสถานการณ์ที่พักยุคใหม่ คู่แข่งมาแรง พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน
ในอดีตเวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ตัวเลือกอันดับแรกที่นักเดินทางนึกถึงสำหรับการพักผ่อนคือ “โรงแรม” เพราะถ้าไม่จองโรงแรมก็ไม่รู้จะไปพักที่ไหน
แต่ปัจจุบันโรงแรมไม่ใช่ตัวเลือกแรกของนักเดินทางเสียแล้ว เพราะบริการให้เช่าที่พักอย่าง Airbnb กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard และ MIT เปิดเผยว่า Airbnb ทำให้กำไรของธุรกิจโรงแรมลดลงกว่า 3.4%
มากกว่านั้น เมื่อเทียบกันในเชิงตัวเลขแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคยุคใหม่สะท้อนอย่างชัดเจน หากอ้างอิงจาก The Wall Street Journal ที่ระบุว่า ในปัจจุบันผู้เข้าพักโรงแรมในเครือ Marriott มีทั้งหมด 1.3 ล้านคน ส่วนผู้ที่เข้าพักในห้องพักให้เช่าผ่านสตาร์ทอัพอย่าง Airbnb มีทั้งหมด 6 ล้านคน
ห่างกันมากกว่า 4 เท่า!
ตัวเลขนี้ย่อมทำให้เครือโรงแรมขนาดใหญ่อย่าง Marriott มองเห็นการถูก disrupt ในธุรกิจบ้าง ไม่มากก็น้อย
ดึงจุดแข็งตัวเอง เดินเกมด้วยการให้เช่าที่พักสุดหรู
ก่อนหน้านี้ Marriott ได้เริ่มทดลองทำธุรกิจ “ให้เช่าบ้านพักวิลล่าหรู” มาตั้งแต่ปี 2018 พบว่า วัตถุประสงค์ของผู้เข้าพักแตกต่างจากการเช่าโรงแรมแบบเดิมๆ ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการที่พักเพื่อเลี้ยงสังสรรค์ จัดงานปาร์ตี้รวมญาติ ซึ่งการพักในโรงแรมไม่ตอบโจทย์ เพราะไม่สามารถรองรับคนจำนวนมากในห้องเดียวกันได้
ด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงข้างต้น Marriott จึงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องลงมาทำธุรกิจให้เช่าที่พักแข่งกับ Airbnb บ้างแล้ว
จากแต่เดิม Marriott ทำแต่ธุรกิจโรงแรมอย่างเดียว ไม่เคยทำธุรกิจเช่าที่พักมาก่อน ปัจจุบัน Marriott มีที่พักให้เช่าในรูปแบบบ้านพักวิลล่าหรูจำนวนกว่า 5,000 หลังใน 190 พื้นที่ทั่วโลก
ความตั้งใจของ Marriott คือต้องการจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านพักวิลล่าหรูโดยเฉพาะ ในบ้านพักจึงมีระดับพรีเมี่ยมทั้งหมด ได้แก่ อุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าปูที่นอนลินินอย่างดี รวมถึงมีเครื่องซัก-อบผ้า และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไว้ให้บริการด้วยอย่างครบครัน
อีกประเด็นสำคัญคือกลยุทธ์ของ Marriott ที่เปิดที่พักบ้านวิลล่าหรูคือจะเปิดให้บริการในพื้นที่ที่ไม่มีโรงแรมให้บริการ
- ลองดูหน้าตาตัวอย่างของบ้านพักหรูวิลล่าของเครือโรงแรม Marriott
ผลตอบรับจากการเปิดให้บริการให้เช่าบ้านพักหรู เป็นไปได้ด้วยดี
จากการให้เช่าบริการที่พักหรูของ Marriott ในช่วงแรกไปได้สวย เพราะอัตราการค้างคืนของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยจากเดิมที่ผู้เข้าพักมักจะพักในโรงแรมเฉลี่ย 1.5 คืนต่อ 1 ครั้ง แต่สำหรับบ้านวิลล่าหรู ปรากฏว่า อัตราการค้างคืนเพิ่มขึ้นเป็น 5 คืนขึ้นไปต่อการเข้าพัก 1 ครั้ง
ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของ Marriott คือการทำ “Royalty program” หรือการสะสมคะแนนจากการเข้าพัก โดยลูกค้าสามารถแลกคะแนนสะสมเป็นส่วนลดหรือบริการอื่นเพิ่มเติมได้ อย่างในปี 2018 มีนักเดินทางกว่า 72% ทั่วโลกเป็นสมาชิกใน Royalty program ของเครือโรงแรม Marriott เรียบร้อยแล้ว มากกว่านันจากข้อมูลพบว่ากว่า 90% ของผู้เข้าพักในบ้านหรูวิลล่าของ Marriott เป็นสมาชิกของ Marriott’s Bonvoy travel program อยู่แล้ว นั่นหมายความว่าได้ทั้งประสบการณ์ในการเข้าพัก และได้ทั้งสะสมแต้มกับทางเครือไปในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม วิธีการเช่าบ้านพักหรูวิลล่าของเครือโรงแรม Marriott ไม่ได้ทำหน้าเว็บแยกออกจากหน้าเว็บจองโรงแรม เพราะต้องการให้ลูกค้าเข้าเว็บไซต์เดียวเลือกได้ทั้งโรงแรมและบ้านพักวิลล่า และที่สำคัญคือ ไม่ต้องการให้ลูกค้าไปค้นหาที่พักที่เว็บไซต์จองโรงแรมอื่นๆ ไปในตัว
จับตาดู ศึกตลาดห้องพักหรู ทั้ง Marriott vs. Airbnb
เมื่อเครือโรงแรม Marriott ลงมาเล่นในตลาดให้เช่าที่พัก และดึงจุดแข็งของตัวเองออกมาด้วยการให้เช่าบ้านพักหรู
สำหรับศึกนี้ คู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Airbnb ก็ไม่ได้มองข้ามเช่นกัน เพราะจากสถิตของ Airbnb พบว่า ในปี 2018 มีสถิติการจองห้องพักที่มีราคาสูงกว่า 30,810 บาทต่อคืนสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 60% นี่คือตัวเลขมหาศาล
ดังนั้น Airbnb จึงส่งห้องพักหรูออกมาสู้ด้วยเช่นกัน หรูชนิดที่ว่าปิดเกาะส่วนตัวกันเลยทีเดียว โดยบ้านพักหรูที่มีราคาสูงที่สุดต่อคืนของ Airbnb คือเกาะส่วนตัว (private island) ใน French Polynesia ซึ่งสามารถรองรับคนได้ 52 คน มีห้องนอน 21 ห้อง และห้องน้ำอีก 25 ห้อง ส่วนราคาอยู่ที่คืนละเกือบ 4.5 ล้านบาท
เกมนี้น่าสนุก เมื่อเครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ลงมาบุกตลาดให้เช่าที่พัก ส่วนเจ้าตลาดให้เช่าที่พักก็ปรับตัวเพื่อแก้เกมเหมือนกัน
ดังนั้น ในคำถามที่ว่า “ใครจะชนะนั้น” ถึงที่สุด ต้องให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสิน และแน่นอน เกมนี้ต้องติดตามชมกันยาวๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา