Lawrence Stroll มหาเศรษฐีแคนาดา สนใจที่จะซื้อหุ้นสัดส่วนใหญ่ของ Aston Martin ผู้ผลิตรถยนต์หรู ต่อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยมองว่าราคาหุ้นนั้นมีราคาถูกกว่าช่วงที่บริษัทเข้า IPO ใหม่ๆ
นิตยสาร Autocar ได้รายงานว่า Lawrence Stroll มหาเศรษฐีแคนาดา สนใจที่จะซื้อหุ้นสัดส่วนใหญ่ Aston Martin ผู้ผลิตรถยนต์หรู ส่งผลทำให้ราคาหุ้นพุ่งทันทีกว่า 18% โดยนิตยสารรถยนต์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษได้รายงานว่าเหตุผลที่มหาเศรษฐีแคนาดา สนใจที่จะซื้อนั้นเป็นเพราะว่ามูลค่ากิจการของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้มีมูลค่าที่ถูกมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าตอนบริษัทเข้า IPO
- บุกตลาด 2 ล้อ! Aston Martin จับมือ Brough Superior เตรียมเปิดตัวมอเตอร์ไซค์สุดหรู
- แบรนด์รถหรูเร่งเครื่อง SUV! Aston Martin เตรียมเปิดตัวรถสปอร์ตอเนกประสงค์รุ่นแรกในปีหน้า
สำหรับมหาเศรษฐีแคนาดารายนี้อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก ซึ่งตัวเขาเองเป็นนักลงทุน โดยลงทุนในแบนรด์แฟชั่นชื่อดังต่างๆ เช่น Michael Kors และ Tommy Hilfiger ฯลฯ คาดว่าสินทรัพย์ของเขาประเมินว่าอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่เพียงแค่นั้นตัวเขาเองยังเป็นนักสะสมรถยนต์ตัวยงด้วย
Lawrence Stroll เองยังเป็นเจ้าของทีมและพ่อของ Lance Stroll ซึ่งเป็นนักขับ Formula 1 ทีม Racing Point หลังจากได้ตัดสินใจซื้อทีม Sahara Force India ในปี 2018 ที่มีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และได้ดึงตัวลูกชายของเขาซึ่งก่อนหน้านี้เป็นนักขับของทีม Williams มาเป็นนักขับของทีมในปีนี้ด้วย โดยในปีการแข่งขัน Formula 1 ในปี 2019 นี้ทีมมีคะแนนสะสมเป็นอันดับ 7
ขณะเดียวกับเว็บไซต์ Racefans ยังได้รายงานตรงกับ นิตยสาร Autocar ว่า หลังจากนี้ทีม Racing Point เองอาจเปลี่ยนชื่อทีมเป็น Aston Martin อีกด้วย ถ้าหากเขาซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมได้สำเร็จแล้ว
ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Aston Martin คือ Adeem/Primewagon ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในประเทศคูเวต ถือหุ้นในสัดส่วน 36% รองลงมาคือ Investindustrial บริษัทลงทุนจากอิตาลีที่ 31% นอกจากนี้ยังมีผู้ถือหุ้นที่น่าสนใจรายอื่นๆ เช่น Daimler ถือหุ้นสัดส่วน 4%
ในปี 2018 ที่ผ่านมาบริษัทได้รายงานงบการดำเนินงาน โดยมีรายได้ 1,097 ล้านปอนด์ ขาดทุนจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 57 ล้านปอนด์ ล่าสุดในปีนี้บริษัทได้แก้ไขปัญหาที่บริษัทขาดทุนโดยการออกวางขายรถยนต์แบบ SUV และมอเตอร์ไซค์ด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา