สกินแคร์ชนิดซองหรือไซส์จิ๋ว ไม่ได้เป็นแค่สินค้าที่เหมาะกับคนที่มีกำลังซื้อน้อยอีกต่อไปเหมือนในอดีต แต่เป็นแพกเกจที่แบรนด์สกินแคร์ต่างให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
ในอดีตแบรนด์สกินแคร์ ไม่ว่าจะเป็น ค่ายยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี ไบเออร์สด๊อรฟ ต่างใช้กลยุทธ์ไซซ์ซิ่ง อย่าง โอเลย์ ซิตร้า การ์นิเย่ เปิดตัวแพกเกจชนิดซองออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างจังหวัดในช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม เนื่องจากมีกำลังซื้อไม่ดีพอ แพกเกจซองจึงออกมาเจาะกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าว
แต่ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ทั้งสกินแคร์ยักษ์ใหญ่หรือกระทั่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือกระทั่งสกินแคร์จากเกาหลี เล็งเห็นถึงโอกาสการตลาดจากแพกเกจซองเหมือนกัน เพราะเป็นแพกเกจที่ตอบโจทย์”ไลฟ์สไตล์” ที่หลากหลาย
สะดวกใช้ครั้งเดียวทิ้งแต่ความถี่เพิ่ม
แพกเกจซองตอบสนองเรื่องของความสะดวก กลยุทธ์การตลาดคือซื้อใช้ครั้งเดียวทิ้งหรือใช้ในจำนวนครั้งที่น้อย แต่ขณะเดียวกันความถี่ในการซื้อก็เพิ่มขึ้นด้วย นั่นหมายถึงโอกาสการตลาดที่เพิ่มขึ้น แตกต่างจากการซื้อแพกเกจขนาดใหญ่ใช้นานเพราะความถี่ในการซื้อน้อย โดยแต่ละแบรนด์ที่ออกผลิตภัณฑ์มาจะมีปริมาณตั้งแต่ 7.5 – 10 กรัม พร้อมการวางราคาตั้งแต่ 39- 59 บาท
สวยหลากหลายตามฟังก์ชัน
สำนวนที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” หรือวลีที่ว่า “ผู้หญิง อย่าหยุดสวย” ยังใช้ได้ดีในทุกยุคทุกสมัย ด้วยความหลากหลายของสกินแคร์ ตั้งแต่มาร์กหน้า ทั้งลดเลือนริ้วรอย ปรับผิวให้ขาว สวยใสเด้ง เติมเต็มความชุ่มชื้น หรือจะลงลึกถึงสำหรับครีมบำรุงรอบด้วยตา กระทั่งถึงรองพื้น หรือลิปสติก ด้วยแพกเกจแบบซอง ทำให้สามารถเลือกซื้อตามการใช้งานแต่ละวันที่ต้องการบำรุงผิว หรือวันไหนอยากสวยแบบไหน ก็สั่งได้
ขนาดจิ๋วตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว
กลุ่ม Gen Z คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 16-24 ปี พบว่าจำนวน 60% มองว่าการลงทุนกับการเดินทางท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเสมอ ซึ่งแพกเกจชนิดซองตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย ด้วยแพกเกจและปริมาณที่สามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้เลย แถมยังพกขึ้นเครื่องได้เพียบ ทั้ง CC Cream ครีมกันแดด สวยจบครบ
สำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว แพกเกจชนิดซอง ทำให้ก้าวข้ามผ่านกฎการนำของเหลวถือขึ้นเครื่องเกินชิ้นละ 100 มิลลิลิตร หากมีความจำเป็นต้องนำของเหลวติดตัวไปด้วยเช่นพวกแชมพู สบู่เหลว ให้ใช้วิธีแบ่งใส่ขวดเล็กๆ หรือถุงใสที่มีปริมาตรไม่เกิน 100 มล.
ตั้งราคา Price Point ซื้อง่ายขายคล่อง
การตั้งราคาสินค้าหรือ Price Point นั้น แบรนด์แต่ละแบรนด์แข่งขันกันที่ราคาที่ซื้อง่ายขายขายคล่อง มีตั้งแต่ราคา 39-59 บาท เพื่อให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อได้รวดเร็ว เพราะต้องบอกว่าการแข่งขันในตลาดดังกล่าวผู้บริโภคไม่มีรอยัลตี้แบรนด์ ณ จุดขาย พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ยิ่งหากแบรนด์ใดทำโปรโมชั่น ณ จุดขายด้วยแล้ว ยิ่งกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เพราะการใช้เพียงไม่กี่ครั้ง แล้วก็ทิ้ง ทำให้ผู้ซื้อไม่ต้องคิดมากว่าจะใช้ดีหรือไม่ดีนั่นเอง
แพกเกจชนิดซองเหมือนขนาดทดลอง
แบรนด์ต่างๆ ที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ลงสู่ตลาดนั้น จริงๆ แล้วแพกเกจชนิดซอง เป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาขายเพื่อทดลองดูว่า เวิร์กหรือไม่เวิร์กสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในขนาดอื่นๆ ขณะเดียวกันเป็นโอกาสเกิดของสกินแคร์เอสเอ็มอีต่างๆ ที่เข้ามาเป็นแข่งกับแบรนด์ใหญ่ ซึ่งต้องบอกว่าแบรนด์เอสเอ็มอีอาจมีมากกว่าแบรนด์ใหญ่แล้วก็ได้บนชั้นวางสินค้า
สรุป
สวยไซส์เล็กสำหรับสกินแคร์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาวๆ ยุคใหม่ ทั้งสะดวกสบาย ราคาซื้อง่ายสอดรับกับการใช้งาน สวยตามฟังก์ชั่น วันไหนอยากสวยแบบไหนก็สามารถเลือกซื้อได้ ขณะที่แบรนด์ต่างๆ มองว่าแพกเกจดังกล่าวมีโอกาสทางการตลาดมหาศาล ทั้งการเพิ่มความถี่ในการใช้งาน ด้วยราคาที่ไม่สูงเล่นกับความรู้สึกของผู้ซื้อที่สามารถซื้อใช้ได้บ่อย แต่จริงๆ แล้วไซส์เล็กไม่ได้มีราคาถูก เมื่อเทียบกับการซื้อแพกเกจขนาดใหญ่และปริมา
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา