แม้การเข้าถึงเทคโนโลยี และบริการดิจิทัลของคนไทยจะทำได้ดีขึ้น แต่ถึงตอนนี้ก็ยังมีบางกลุ่มที่ไม่สามารถใช้งานสิ่งเหล่านี้ได้ Google ประเทศไทยจึงพยายามลดกำแพงของเรื่องนี้ ด้วยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจต่างๆ
การที่คนกลุ่มหนึ่งไม่สามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลต่างๆ ได้ ก็ไม่ต่างกับการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ซึ่ง Google อยากให้เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น และกลายเป็นแนวคิด Leave No Thai Behind หรือการไม่ทิ้งคนไทยที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว และไร้ที่พึ่ง
สำหรับการเดินหน้าแนวคิด Leave No Thai Behind นั้น Google เดินหน้าด้วย 4 แผนเบื้องต้นคือ
#GoogleStation ให้บริการด้วย #CATWiFi ความเร็ว 30/30 Mbps. ที่เสถียรและปลอดภัย และตั้งแต่ Google Station เปิดตัวในไทย มีผู้คนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปแล้วมากกว่า 2 ล้านคน ในแต่ละวันผู้คนใช้เวลาท่องโลกออนไลน์นานเกือบ 2 ชม.
ชมถ่ายทอดสด #GoogleForThailand ทาง https://t.co/ebLgINImgw pic.twitter.com/EAL8tI5khX
— Google Thailand (@GoogleThailand) November 14, 2019
เพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้มากขึ้น
การจะทำให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากกว่าเดิม ก็ไม่พ้นการร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Google ก็ได้เจรจากับบมจ.กสท โทรคมนาคม หรือ CAT เพื่อติตดั้ง Google Station ที่ช่วยกระจายอินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi กว่า 100 แห่ง ครอบคลุม 24 จังหวัดทั่วประเทศ และถึงตอนนี้ก็มีผู้ใช้งานราว 2 ล้านคน เฉลี่ย 2 ชม./วัน
ส่งเสริมทักษะดิจิทัลให้ดีกว่าเดิมแก่ทุกคน
ด้านการส่งเสริมทักษะดิจิทัล Google ได้ร่วมมือกับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด หรือ SCG จัดทำเว็บไซต์ E-Learning ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานดิจิทัลในแง่มุมต่างๆ นอกจากนี้ยังสร้างบริการ Be Internet Awesome เพื่อให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกับวัยเด็กได้ใช้งานดิจิทัลอย่างปลอดภัย โดยทั้งหมดจะเรียนรู้ผ่านการเล่นเกม
ล่าสุด Google Arts & Culture ได้ร่วมกับกรมศิลปากรและหอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร ภายใต้การสนับสนุนจากท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน นำเสนอนิทรรศการชุดใหม่ “Hidden Fruits”
ชมถ่ายทอดสด #GoogleForThailand ทาง https://t.co/ebLgINImgw pic.twitter.com/pULPRfpxX9
— Google Thailand (@GoogleThailand) November 14, 2019
จัดทำเนื้อหา และบริการให้ต้องกับความต้องการของคนไทย
ในทางกลับกัน Google ยังร่วมมือกับโรงพยาบาลราชวิถึ เพื่อพัฒนาระบบช่วยคัดกรองผู้ป่วยที่มีภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาได้เร็วขึ้น พร้อมนำไปใช้ใน 8 แห่งที่ 3 จังหวัดคือกรุงเทพ, ปทุมธานี และเชียงใหม่ รวมถึงร่วมกับกรมศิลปากร เพื่อนำกล้อง Art Camera บันทึกภาพจิตรกรรมฝาพนังเป็นไฟล์ดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ดีกว่าเดิม
สนับสนุน SMEs ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญ Google ยังไม่ทิ้ง SMEs หรือเหล่าธุรกิจเกิดใหม่ในประเทศไทย เพราะต้องการให้ธุรกิจเหล่านี้มีตัวตนบนดิจิทัลกว่า 1 ล้านรายในปี 2563 จากปัจจุบันมี 1.5 แสนราย จึงร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อนำข้อมูลของ SMEs ขึ้น Google Maps และ Google Search เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
Google ยังได้ทำงานร่วมกับ @ThailandMOC เพื่อผลักดันให้กว่า 100,000 ธุรกิจ SME ซึ่งเป็นสมาชิกอยู่บนเว็บไซต์ https://t.co/vrxwrvlOsb และร้านธงฟ้า ให้มีหน้าร้านอยู่บน Google ผ่าน Google My Business
ชมถ่ายทอดสด #GoogleForThailand ทาง https://t.co/ebLgINImgw pic.twitter.com/6szNlcCZzo
— Google Thailand (@GoogleThailand) November 14, 2019
ทั้งหมดนี้คือการลงทุนของ Google ในประเทศไทย เพื่อช่วยให้ทั้งภาคธุรกิจ และประชาชนสามารถเติบโตใช้งานบริการดิจิทัลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้การลงทุนจะไม่มีตัวเลขมูลค่าที่ชัดเจน แต่จากทั้ง 4 ข้อข้างต้นก็ไม่ยากที่จะมองว่ามันมีมูลค่ามหาศาลแค่ไหน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา