ตั้งแต่ Carlos Ghosn ถูกจับ Nissan ก็ยังไม่หลุดจากช่วงตกต่ำของธุรกิจ เพราะล่าสุดก็ปรับเป้ากำไรสุทธิลดลง 66% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหลือ 1.1 แสนล้านเยน (ราว 30,000 ล้านบาท) ผ่านยอดขายลดลงทั่วโลก
ปัญหาที่คลี่คลายได้ลำบาก
กลายเป็นความท้าทายของ Makoto Uchida ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nissan คนใหม่ที่เตรียมรับตำแหน่งแทน Hiroto Saikawa เนื่องจากเขาต้องแบกบริษัทฝ่าวิกฤติต่างๆ ทั้งการเติบโตของยอดขาย รวมถึงภาพลักษณ์ของบริษัทที่ไม่ดีนัก แต่สุดท้ายแล้วการเข้ามารับตำแหน่งของเขาก็ยังไม่ได้ส่งผลอะไรขนาดนั้น
ล่าสุด Nissan ได้แถลงงบประมาณครึ่งแรกของปีงบประมาณล่าสุดที่จะสิ้นสุดเดือนมี.ค. 2563 พร้อมระบุว่า ยอดขายลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เหลือ 5 ล้านล้านเยน (ราว 1.39 ล้านล้านบาท) ขายรถได้ 2.5 ล้านคัน ลดลง 7% กำไรจากการดำเนินงานลดลง 85% เหลือ 31,600 ล้านเยน (ราว 8,700 ล้านบาท)
ที่สำคัญกำไรสุทธิยังลดลง 73% เหลือ 65,400 ล้านเยน (ราว 18,100 ล้านบาท) เหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะยอดขายในอเมริกาเหนือ และตลาดเกิดใหม่อย่างเอเชีย, แอฟริกา และตะวันออกกลางทำได้ไม่ตามเป้าหมาย รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่นิ่ง และปัญหาค่าเงินเช่นดียวกัน
เมื่อเป็นอย่างนี้ Nissan จึงตัดสินใจปรับเป้ากำไรสุทธิของปีงบประมาณ 2562 เหลือ 1.10 แสนล้านเยน (ราว 30,000 ล้านบาท) ลดลงจากเป้าที่ตั้งไว้เมื่อเดือนพ.ค. 2562 ที่ 35% และน้อยกว่า 66% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ทำได้เมื่อปีงบประมาณก่อน ทั้งยังต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ด้วย
ในทางกลับกันตั้งแต่ยุค Carlos Ghosn ทาง Nissan ทำตลาดในอเมริกาเหนือด้วยการลดราคา และให้สิทธิประโยชน์ทางการเงินมากมาย จนแบรนด์ Nissan เริ่มมีภาพลักษณ์ไม่ดีนัก ทำให้ Nissan เตรียมเลิกทำตลาดแบบนี้ตั้งแต่รถยนต์รุ่นใหม่ๆ เปิดตัว
สรุป
เมื่อปัญหาคลี่คลายไม่ได้เสียที การปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ทั้งหมดของ Nissan ก็จำเป็นกว่าเดิม ยิ่ง Nissan ประกาศมาแล้วว่าจะลดพนักงานกว่า 12,500 ตำแหน่งภายในเดือนมี.ค. 2566 รวมถึงลดกำลังผลิตกว่า 6 แสนคันใน 14 โรงงานผลิตด้วย มันก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ตอนนี้อยู่ยากกว่าในอดีตเยอะ
อ้างอิง // Asian Nikkei Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา