Twitter บริษัทโซเชียลที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก กำลังประสบปัญหาอย่างหนักในช่วงหลัง ทั้งเรื่องโมเดลการหารายได้ที่ยังไม่ชัดเจน (ต่างกับ Facebook ราวฟ้ากับเหว) และยอดผู้ใช้ที่ไม่เติบโตขึ้นเลย
ปัญหาภายในของ Twitter ส่งผลให้ผู้บริหารระดับสูงจำนวนมากเริ่ม “สละเรือ” ทยอยลาออกจากบริษัทไป ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับ C-level หรือระดับ SVP (Senior Vice President) ของ Twitter ลาออกไปถึง 6 คน นี่ยังไม่รวมผู้บริหารระดับรองลงไปอย่าง VP ที่ลาออกไปอีกจำนวนไม่น้อย
ในช่วงไม่กี่เดือนนี้ Twitter สูญเสียผู้บริหารระดับ C-level ไปถึง 2 คน ได้แก่ Adam Bain (COO / Chief Operating Officer) และ Adam Messinger (CTO / Chief Technical Officer) ซึ่งถือเป็นแกนหลักคนสำคัญของบริษัททั้งคู่
กรณีของ Adam Bain นั้นเขาถือว่าเป็นคู่ชิงตำแหน่ง CEO ของบริษัท ก่อนแพ้ให้กับ Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง แต่หลังจากสงครามสงบลง Jack ขอให้ Adam ทำงานกับบริษัทต่อ ซึ่งเขาก็ทำงานต่อมาอีกสักพัก ก่อนลาออกไปแบบเงียบๆ
Twitter's 2016 in a nutshell. pic.twitter.com/E43vJ8CXrG
— Seth Fiegerman (@sfiegerman) December 20, 2016
ผู้บริหารหลักของบริษัทที่ยังเหลืออยู่ มีเพียง Jack Dorsey ผู้ก่อตั้งและ CEO คนปัจจุบัน กับ Anthony Noto เจ้าของตำแหน่ง CFO ที่ตอนนี้นั่งควบเก้าอี้ COO ด้วย
ส่วนรายชื่อของผู้บริหารระดับรองๆ คนอื่นที่ทยอยลาออกในปีนี้ได้แก่
- Kevin Weil, VP of Product (ไปอยู่กับ Instagram)
- Katie Stanton, VP of Global Media (ไปอยู่กับ Color Genomics)
- Alex Roetter, VP of Engineering
- Jason Toff, GM of Vine (ไปอยู่กับ Google)
- Skip Schipper, VP of Human Resources (ไปอยู่กับ Yext)
- Nathan Hubbard, VP of Commerce/Global Media
- Jana Messerschmidt, VP of Business Development
- Natalie Kerris, VP of Communications
- Rich Alfonsi, VP of Global Online Sales (ไปอยู่กับ Stripe)
- Josh McFarland, Product VP (ไปอยู่กับ Greylock)
แน่นอนว่าระหว่างนี้ Twitter ต้องสรรหาผู้บริหารกลุ่มใหม่มาทำหน้าที่แทน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทยอยลาออกของผู้บริหารจำนวนมากผิดปกติ ย่อมส่งผลด้านความต่อเนื่องในการทำงาน อีกทั้งข่าวผู้บริหารไหลออกจำนวนมาก ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริหารคนอื่นๆ ที่ได้รับการทาบทามให้เข้ามาทำงานกับ Twitter ด้วย
ปัญหานี้ถือเป็นความท้าทายของ Twitter ในปี 2017 นอกเหนือไปจากปัญหาเรื้อรังอื่นๆ ที่รุมเร้าอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า Twitter อาจเลือกขายกิจการให้บริษัทอื่น แต่ภายหลังข่าวก็เงียบหายไป และดูเหมือนว่าอาจไม่มีบริษัทที่สนใจซื้อจริงๆ สักเท่าไร
ที่มา – Recode
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา