Apple เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2019 พบว่า ยอดขาย iPhone ตกต่ำสวนทางกับ Airpods, Apple Watch และธุรกิจบริการอย่าง Apple Pay กวาดรายได้ 6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
เป็นเวลากว่าหลายปีมาแล้วที่ Apple พึ่งพา iPhone เพื่อสร้างรายได้กว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท แต่ในปัจจุบัน Apple มีความหลากหลายมากขึ้นทั้ง Airpods ที่กำลังเป็นที่นิยม Apple Pay มีคนใช้มากขึ้น รวมทั้ง iPad ที่กลับมาพัฒนาหลังจากหยุดนิ่งเป็นเวลาหลายปี
Apple เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2019 พบว่ายอดขาย iPhone อยู่ที่ 3.34 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายดังกล่าวส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.37 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มุ่งพัฒนาสินค้าและบริการอื่นๆ
หลังเปิดเผยผลประกอบการ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ออกมาเรียกความมั่นใจจากนักลงทุนว่า ยอดขาย iPhone ที่ลดลงนั้นมีการชะลอตัวลงแล้ว เนื่องจาก iPhone 11 รุ่นล่าสุดมีความนิยมอย่างมาก
นอกจากนี้ยอดขายอุปกรณ์สวมใส่อย่าง Airpods และ Apple Watch เพิ่มขึ้นกว่า 50% รวมถึงรายรับจากบริการ Apple Pay และ app store เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่งผลให้รายได้จากไตรมาสล่าสุดสูงถึง 6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2% แบบปีต่อปี ถือเป็นรายได้ไตรมาส 4 ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
สรุป
Apple เดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพา iPhone โดยมุ่งพัฒนาสินค้าอื่นๆ อย่าง Airpods, Apple Watch และ iPad รวมทั้งพัฒนาธุรกิจบริการอย่าง Apple Pay และ app store ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และยังสามารถคาดหวังรายได้จาก Apple Tv+ ที่กำลังจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้อีกด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา