โครงการ Starlink อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมโดยบริษัท SpaceX ได้ทดสอบใช้งานจริงและพร้อมให้บริการในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในกลางปี 2563
SpaceX ได้เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการ Starlink ว่าบริษัทได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (Federal Communications Commission : FCC) ให้สามารถส่งดาวเทียมจำนวน 12,000 ดวงสู่วงโคจรของโลกได้ และบริษัทยังได้ยื่นเอกสารขออนุญาตกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) เพื่อส่งดาวเทียมทั้งหมดขึ้นไป
ในวันอังคาร (22 ต.ค.) ที่ผ่านมา Elon Musk ซีอีโอของ SpaceX ได้ทำทดสอบเชื่อมอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมบรอดแบนด์ และทวีตข้อความว่า “ทวีตนี้ส่งผ่านอวกาศด้วยดาวเทียม Starlink” เพื่อยืนยันว่าอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสามารถใช้งานได้แล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการในสหรัฐเมริกาและแคนาดาช่วงกลางปี 2563
Sending this tweet through space via Starlink satellite ?
— Elon Musk (@elonmusk) October 22, 2019
Starlink เป็นดาวเทียมรับส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีจุดเด่นคือราคาถูกและสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้ทั่วโลก โดยสามารถส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด Falcon 9 ได้สูงสุดครั้งละ 60 ดวง รวมถึงสามารถนำจรวด Falcon 9 กลับมาใช้งานใหม่ได้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนได้มหาศาล
หากโครงการ Starlink ประสบความสำเร็จก็สามารถเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไปตลอดกาล นอกจากนี้จะสร้างรายได้หลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปีหาก Starlink สามารถแข่งขันกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่และสามารถช่วยให้คนออนไลน์มากขึ้น โดยผลศึกษาจาก Web Foundation แสดงให้เห็นว่ากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
Starlink เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของ SpaceX เนื่องจากในอดีตมีบริษัทมากมายที่พยายามและล้มเหลวในการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านอวกาศ แต่ในปัจจุบันมีผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาพัฒนารวมถึง SpaceX, Oneweb และ Amazon
สรุป
บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมบรอดแบนด์ในอเมริกาและแคนาดาจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะได้ทดลองใช้งานแล้ว แต่จะสามารถขยายครอบคลุมไปทั่วโลกได้หรือไม่ ต้องรอการอนุญาตจาก ITU ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทโทรคมนาคมทั่วโลกอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา