ตอนนี้อะไรๆ ก็ 4.0 กันไปหมด เพราะรัฐบาลประกาศใช้นโยบาย Thailand 4.0 โดยนำเทคโนโลยีใหม่มาขับเคลื่อนประเทศมากขึ้น ดังนั้นการปรับตัวของอุตสาหกรรมต่างๆ ก็ต้องทำตาม และตอนนี้ก็คงถึงเวลาของฝั่ง Retail แล้ว เพราะ Siam Discovery ได้ติดตั้งระบบปิดการขายด้วยเทคโนโลยีเป็นห้างแรกในเอเชียแปซิฟิค (APAC)
ปิดการขายแบบ 4.0 ต้องเข้าให้ถึง Location
การปิดการขายในยุค Retail 4.0 จะให้พนักงานขายเดินไปแนะนำสินค้า หรือส่งโปรโมชั่นแรงๆ ออกไปแค่นั้นไม่ได้อีกต่อไป เพราะเมื่อผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้นผ่านโลกออนไลน์ ดังนั้นการซื้อก็จะฉลาดขึ้น แต่จะทำอย่างไรให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงจุด การใช้ Location-Based Service หรือการรู้ว่าผู้บริโภคอยู่ตรงไหนของห้าง เพื่อยิงโปรโมชั่น รวมถึงข้อมูลสินค้าไปให้ ก็มีโอกาสปิดการขายได้มากกว่าเดิม เพราะผู้ซื้ออาจอยู่ระหว่างลังเลว่าจะซื้อสินค้าดีหรือไม่ และการที่พนักงานเดินไป Push ก็คงสร้างความตกใจ ดังนั้นการใช้ Tech น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการ สายกิจกรรมการตลาด และธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้า Siam Discovery เล่าให้ฟังว่า การวางระบบ Location-Based Service นั้นเริ่มคิดตั้งแต่ช่วง Renovate ห้างนี้ เพราะต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการซื้อสินค้า จึงหาผู้พัฒนาระบบนี้ และสุดท้ายไปจบที่ Cisco ผ่านโซลูชั่น Connected Mobile Experiences (CNX) กับ Hyperlocation ที่สามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้บริการห้างสรรพสินค้าได้ทันที ผ่านอุปกรณ์ตรวจจับทั้งหมด 330 เครื่อง
เดี๋ยวนี้ทำตลาดแค่ช่วงอายุไม่ได้ ต้องไป Lifestyle
“การทำตลาดของห้างสรรพสินค้าในตอนนี้ การสำรวจช่วงอายุที่เข้ามาใช้บริการในห้าง และนำมาประยุกต์ใช้กับแผนการตลาด อาจไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เพราะกลุ่ม Baby Boomer ก็เริ่มใช้อะไรใกล้เคียงกับ Generation X และ Y แล้ว ดังนั้นการหันมาดูเรื่อง Lifestyle เฉพาะบุคคลน่าจะเป็นเรื่องที่ต้องทำสำหรับผู้ทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าในตอนนี้ ซึ่งเบื้องต้น Siam Discovery ก็ออกบัตรสมาชิก Viz Card ที่ปัจจุบันมีผู้สมัคกว่าแสนราย เพื่อเรียนรู้ความชอบ และตอนนี้ก็พัฒนาสู่แอปพลิเคชั่น Siam Discover เพื่อเรียนรู้ผู้บริโภคได้แบบ Real-Time”
ทั้งนี้การทำงานของ Hyperlocation จะเริ่มจากตัวอุปกรณ์ตรวจจับพบว่าผู้บริโภคที่มีแอปพลิเคชั่น Siam Discovery เดินเข้ามาใช้บริการ และหากผู้ใช้รายนั้นเดินวนใกล้บริเวณร้านค้าใดร้านหนึ่งภายในรัศมี 1 เมตร และใช้เวลาเกิน 3 นาที ตัว Hyperlocation ก็จะส่งข้อความไปที่ผู้ใช้รายนั้นภายในแอปพลิเคชั่นทันที โดยข้อความจะมีทั้ง Story ของสินค้า หรือบางครั้งอาจเป็นส่วนลดพิเศษ เพื่อปิดการขายได้ทันที แต่จุดเริ่มต้นคือต้องให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Siam Discovery ก่อน โดยทางห้างจะใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นตัวจูงใจ
แค่มี App ยอดขายก็เพิ่ม 24% อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชั่น Siam Discovery ไม่ได้เพิ่งเปิดให้ดาวน์โหลด แต่ให้บริการมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 2559 แล้ว และการมีแอปพลิเคชั่นเพื่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการ ก็ทำให้ยอดเงินสะพัดภายในห้างสรรพสินค้าเพิ่มขึ้นทันที 24% ผ่านผู้ดาวน์โหลดใช้งานแล้ว 40,000 ราย และการมีระบบ Location-Based Service ตัวใหม่เข้ามาก็น่าจะทำให้ยอดดาวนโหลดใช้งานเพิ่มเป็น 1 แสนรายภายใน 12 เดือนหลังจากนี้ และในอนาคตก็มีแผนนำระบบดังกล่าวไปใช้งานกับห้างสรรพสินค้าในเครือ เช่น Paradise Park และ Siam Center เช่นกัน
สำหรับห้างสรรพสินค้า Siam Discovery ที่เพิ่ง Renovate เสร็จเมื่อปลายเดือนพ.ค. 2559 ผ่านงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่ง CNX และ Hyperlocation คือหนึ่งในนั้น ก็ทำให้มีผู้ใช้บริการกว่า 60,000 คน/วัน มีสินค้ากว่า 4,000 แบรนด์ที่วางจำหน่ายภายในห้าง และหลังจาก Renovate เสร็จก็มีกลุ่ม Millennial เข้ามาใช้บริการมากขึ้น รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาคิดเป็นสัดส่วน 30% ของทั้งหมด ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยวิเคราะห์ผู้ใช้บริการ และส่งข้อมูลไปสื่อสารโดยตลอด ก็น่าจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการเป็น 80,000 คน/วันได้
สรุป
การเข้ามาลงทุนด้วยตนเองของห้าง Siam Discovery เพื่อได้เทคโนโลยีในการปิดการขายรูปแบบใหม่ น่าจะสร้างความตื่นตัวให้กับวงการค้าปลีกไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ Hyper-Trade อย่าง Tesco Lotus ก็ติดตั้งระบบ iBeacon เพื่อรู้ว่าผู้บริโภคอยู่ตรงไหนเช่นกัน ซึ่งจริงๆ แล้วการลงทุนระบบนี้ก็ค่อนข้างสูง และจริงๆ แล้ว Line ที่เป็นแอปพลิเคชั่นแชทอันดับหนึ่งของไทย ก็กำลังพัฒนาระบบนี้อยู่ ชูจุดเด่นเรื่อง ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นใหม่ เพราะแค่เข้าใกล้ห้าง ตัว Line Official Account ก็จะส่งโปรโมชั่น หรือข้อมูลไปที่ผู้ใช้ทันที
แต่ถึงจะแข่งขันกันแค่ไหน ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์สูงสุดอยู่ดี เพราะโปรโมชั่น รวมถึงข่าวสาร ก็ทำให้เรามีประสิทธิภาพในการจับจ่ายมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา