ถึงจะเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน แต่ Mazda 3 ก็ยังใช้กลยุทธ์ตั้งราคาเริ่มต้นเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า ผ่านการจูงใจด้วยเครื่อง 2.0 ลิตรในราคาที่ถูกที่สุดในตลาด แต่ฟากตัวท๊อปก็แข่งราคากับ Honda อย่างสูสีเลยทีเดียว
พิสูจน์แล้วว่าคนชอบ Mazda ซื้อราคานี้
ในตลาดรถยนต์กลุ่ม C-Segment ของประเทศไทย Mazda เป็นเพียงแบรนด์รถยนต์รายเดียวที่ทำตลาดรถที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เนื่องจาก Toyota นั้นทำตลาดรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร, 1.8 ลิตร และ 1.8 ลิตร Hybrid ส่วน Honda จะทำตลาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร กับ 1.5 ลิตร Turbo
เมื่อแตกต่างเรื่องขนาดเครื่องยนต์ (Mazda เคยทำมาก่อนหน้านี้ในโฉมก่อนล่าสุดที่มีแต่เครื่อง 2.0 ลิตรให้เลือก) มันก็พิสูจน์ได้ว่ากลยุทธ์นี้ของ Mazda ช่วยสร้างแต้มต่อในแง่การตลาดได้ เพราะที่ผ่านมายอดขาย C-Segment ของ Mazda มักมาจากรุ่นรองท๊อป กับท๊อปโดยตลอด
ขณะเดียวกัน Mazda 3 โฉมใหม่นี้ก็ยังตั้งราคารุ่นเริ่มต้นมาได้จูงใจเช่นเดิม ผ่านค่าตัวเพียง 9.69 แสนบาท ถ้าไปเทียบเรื่องสมรรถนะจริงๆ ก็คงต้องชนกับ Toyota Altis Hybrid ที่ราคาเริ่มต้น 9.39 แสนบาท ส่วนถ้าเทียบ Honda ก็คงต้องชนกับรุ่น 1.5 Turbo ที่เริ่มต้น 1.10 ล้านบาท
ราคาเท่ากันทั้ง Sedan และ Fastback
สำหรับราคาของ Mazda 3 ใหม่ทั้งหมดนั้นตัวโฉม Sedan และ Fastback (เดิมใช้ชื่อว่า Hatchback) จะมีราคาเท่ากันทั้ง 3 เกรด โดยเริ่มต้นที่เกรด C ราคา 9.69 แสนบาทตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ถัดไปเป็นเกรด S ราคา 1.06 แสนบาท และสูงสุดที่เกรด SP ราคา 1.19 แสนบาท
เรียกได้ว่าถ้ามองในมุมรุ่นท๊อปนั้นจะถูกกว่า Honda Civic ตัวท๊อปที่มีราคา 1.21 ล้านบาทเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าไปเทียบกับตัวท๊อปของ Toyota Altis Hybrid ที่มีราคา 1.09 ล้านบาทก็เรียกว่าห่างกันไกลพอสมควร ซึ่ง Mazda 3 ตัวท๊อปรุ่นก่อนหน้านี้ Mazda ตั้งราคาไว้ที่ 1.09 ล้านบาทเท่านั้น
ในมุมขุมพลัง Mazda 3 ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเบนซิน พร้อมเทคโนโลยี Skyactiv-G แม้ไม่ใช่ Skyactiv-X เทคโนโลยีใหม่ตามที่หลายคนหวังไว้ แต่เครื่องยนต์ตัวนี้ก็ถูกปรับจูนใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย และมีจุดเด่นเรื่องประหยัดน้ำมัน กับให้ประสิทธิภาพสูงเช่นเดิม
ภาพรวมตลาด C-Segment ที่คึกคักอีกรอบ
ก่อนหน้านี้ Brand Inside ได้วิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของตลาดรถยนต์กลุ่ม C-Segment ช่วง Toyota เปิดตัว Altis โฉมใหม่ไปแล้ว แต่ตอนนั้นตัวราคาของ Mazda 3 ยังไม่เปิดเผยออกมา ซึ่งพอราคาออกมาแล้วมันชี้ให้เห็นว่า Mazda ไม่ได้สนใจคู่แข่ง แต่ทำเพื่อสนองคนที่ชื่นชอบ Mazda จริงๆ
เพราะเหตุผลที่ผู้บริโภคเลือกซื้อ Mazda อย่างแรกๆ น่าจะเป็นเรื่องดีไซน์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาด ผ่านความสปอร์ต และโฉบเฉี่ยวเฉพาะตัว แม้ว่าการออกแบบภายในอาจกระทัดรัดกว่าคู่แข่งไปบ้าง แต่แลกมาด้วยสมรรถนะ และความเท่แบบเครื่อง 2.0 ลิตรที่ไม่มีให้เลือกในตลาด
เมื่อตอนนี้เบอร์ 3 ในแง่ยอดขายอย่างเป็นทางการที่ชื่อว่า Mazda เปิดตัว C-Segment ตัวแรงมาแข่งพร้อมกับ Toyota ที่เปิดตัว Altis โฉมใหม่ คราวนี้ก็อยู่ที่ Honda แล้วว่า Civic ที่เพิ่ง Minorchange เมื่อสิ้นปี 2561 จะจูงใจผู้ซื้อได้หรือไม่ เพราะตลาดรถยนต์กลุ่ม C-Segment ได้กลับมาแข่งขันกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง
สรุป
ส่วนตัวผู้เขียนคาดว่า Mazda 3 น่าจะเป็นรถยนต์ทางเลือกของผู้ซื้อที่ต้องการความแตกต่างในงานออกแบบ และสมรรถนะ รวมถึงยอมจ่ายในราคาที่อาจสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ส่วนจะไปถึงเป้าหมายที่ Mazda ตั้งไว้ที่ 7,000 คันในปีแรกได้หรือไม่ คุณผู้อ่านคงต้องเป็นคนตัดสิน
ภาพ และเนื้อหาจาก Mazda
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา