ประเทศซาอุดิอาระเบียพิจารณาชะลอแผนการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ของบริษัท Saudi Aramco ยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตน้ำมัน หลังถูกโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ชะลอแผน IPO ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้ทางการซาอุดิอาระเบียมีแผนพิจารณานำสัดส่วนหุ้นราว 5% ของ Saudi Aramco มา IPO และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก จนมูลค่าการระดมทุนอาจสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.05 ล้านล้านบาท) แต่สุดท้ายเรื่องดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น
เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ก.ย. เกิดการโจมตีคลังน้ำมันของ Saudi Aramco โดยโดรนจนทำให้กำลังการผลิตน้ำมันของบริษัทดังกล่าวลดลง 50% และราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐฯ ก็พุ่งขึ้น 15% ทันทีเมื่อเปิดตลาดเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 16 ก.ย. เรียกว่ากระทบกับภาพรวมธุรกิจของ Saudi Aramco อย่างมาก
ขณะเดียวกันทางการซาอุดิอาระเบีย และทีมผู้บริหารของ Saudi Aramco ก็มองว่าการจะทำให้กำลังผลิตกลับมาเป็นปกติก็คงต้องใช้เวลาราว 1-3 สัปดาห์ ซึ่งจริงๆ แล้วราคาน้ำมันที่สูงขึ้นน่าจะส่งผลดีให้กับบริษัทนี้ แต่หากมองอีกมุม เหตุการณ์นี้จะส่งผลเสียให้กับมูลค่ากิจการของ Saudi Aramco ด้วย
ทั้งนี้ทางการซาอุดิอาระเบีย และตัว Saudi Aramco ต้องการให้การประเมินมูลค่ากิจการอยู่ที่ 2 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 61 ล้านล้านบาท) แต่นักวิเคราะห์ต่างมองว่าหลังเหตุการณ์นี้มูลค่ากิจการที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 45 ล้านล้านบาท)
สรุป
เป้าหมายเดิมที่ Saudi Aramco ตั้งไว้คือต้อง IPO ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงสิ้นปี 2562 จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซาอุดิอาระเบียก่อน หลังจากนั้นในต้นปี 2563 จะจดทะเบียนอีกครั้ง อาจเป็นตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศก็ได้ ดังนั้นต้องติดตามกันให้ดีว่า Saudi Aramco จะ IPO ได้หรือไม่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา