หลังจากที่มีกระแสถึงการเปลี่ยนป้ายหน้าร้านของ Bar B Q Plaza เป็นบาบีคิ้วพาซ่า เพราะเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทย พาไปดูเบื้องหลังของแคมเปญนี้กัน
เพียงแค่ชั่วข้ามคืนกับกระแสของการเปลี่ยนป้านหน้าร้านที่เป็นชื่อแบรนด์ของ Bar B Q Plaza เป็น “บาบีคิ้วพาซ่า” ที่สาขาเซ็นทรัลพระราม 9 ก็เกิดกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์อยู่ไม่น้อย ซึ่งมีกระแสทั้งด้านบวก และด้านลบ
ทั้งนี้จุดประสงค์หลักของแคมเปญนี้ก็เพื่อต้องการสร้างความตระหนักรู้ในสังคมให้สนใจเรื่องการเข้าถึงการศึกษาของเด็กไทย เพราะยังมีความเหลื่อมล้ำ และการศึกษาไม่ได้เข้าถึงทั่วประเทศ โดยทางแบรนด์ได้เปิดเผยเบื้องหลังดังนี้
บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์ฺ Bar B Q Plaza บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เล่าว่า
“เรามักพูดกันบ่อยๆ ว่า เด็กคืออนาคตของชาติ และการสร้างเด็กเพื่อจะเป็นอนาคตของชาติได้ดีที่สุดก็คือ การศึกษา แต่เราก็พบว่ายังมีช่องว่างทางการศึกษาของไทยค่อนข้างมากทีเดียว ที่สำคัญ ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ยังขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่จำเป็น ทำให้มีผลต่อการอ่านออกเขียนได้ของเด็ก”
1.แคมเปญ Bar B Q PLAZA X Limited Education มีจุดประสงค์เพื่อเปิดประเด็นให้คนสนใจปัญหาเรื่องการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทย ที่พบว่ายังมีหลายคนที่ยังอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2558 มีเด็กไทยกว่า 270,000 คน ที่ยังเขียนหนังสือไม่ได้ และมีเด็กกว่า 140,000 คน ที่อ่านหนังสือไม่ออก เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไทยสนใจและให้ความสำคัญกับปัญหาด้านการศึกษาของเยาวชนมากขึ้น
2. แคมเปญนี้มีลูกเล่นอยู่ที่การสะกดผิด และฟ้อนท์ที่น่ารักแทนการเขียนของเด็กๆ โดยเปลี่ยนป้ายหน้าร้านใหม่ในรูปแบบของการเขียนเป็นคำไทยที่สะกดผิด เป็น “บาบีคิ้วพาซ่า” ที่ร้าน Bar B Q Plaza สาขาเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1-8 กันยายน 2562 นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษที่ใช้คอนเซ็ปต์การสะกดผิดเพื่อให้สอดรับกับตัวโครงการดังกล่าวด้วย
3. นอกเหนือจากความเป็นแคมเปญที่ดีสนับสนุนด้านการศึกษาแล้ว แคมเปญนี้เป็นแคมเปญที่มีความน่ารัก มีเส้นของความครีเอทีฟอยู่ด้วย รวมทั้งเป็นแคมเปญที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้ ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่อยากเป็นร้านอาหารที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน โดยเฉพาะการนำเอาลายมือเด็กๆ มาใช้ ซึ่งมีความน่ารักมีความใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ก็สะท้อนถึงเรื่องจริงที่น่าสะเทือนใจว่ายังมีเด็กหลายคนที่ยังเขียนไม่ได้
4. เล่นใหญ่… ในการเปลี่ยนป้ายหน้าร้านที่สร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นนั้น เพื่ออยากให้แคมเปญนี้เข้าถึงลูกค้าและผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งมองว่าร้านเป็นเหมือนสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และลูกค้า ดังนั้นจึงเลือกใช้ร้านเป็นพื้นที่ในการสื่อสาร ในขณะที่การเลือกปรับชื่อป้ายหน้าร้านใหม่ เพราะที่ผ่านมานั้น คนทำแบรนด์ส่วนใหญ่มักจะหวงแหนชื่อร้าน ชื่อแบรนด์ และโลโก้ อย่างมาก และอาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้เลย ดังนั้น เมื่อคิดว่าจะต้องทำอะไรเพื่อสร้างการรับรู้ของแคมเปญให้ได้มากที่สุดกับคนในวงกว้าง จึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตรงจุดที่สำคัญที่สุด
5. ซึ่งการทำงานแบบนี้คือการทำงานแบบที่เรียกว่าไม่มีกรอบ ของ Bar B Q Plaza รวมทั้งคนที่เป็นผู้นำก็ต้องพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังไอเดียได้ทุกรูปแบบทำให้เกิดความกล้าที่จะเสนอไอเดียแปลกใหม่อย่างที่ไม่มีใครกล้าทำตรงจุดนี้มาก่อน
6. แบรนด์รู้ว่าการเปลี่ยนป้ายชื่อจะทำให้เกิดเป็นบทสนทนาเรื่องการสะกดผิดของเด็กที่ไม่รู้หนังสือในวงกว้าง โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ และนั่นก็จะทำให้คนหันมาสนใจและตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นหากเด็กไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เพียงพอ จึงเปลี่ยนป้ายชื่อแค่เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ คือ 1 อาทิตย์ เท่านั้น ตั้งแต่ 1-8 กันยายน 2562 ซึ่งถือเป็น “วันการรู้หนังสือสากล” จัดตั้งขึ้นโดย องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนในสังคมตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่รู้หนังสือของประชากรในประเทศ
7. นอกจากจะช่วยเรื่องการสร้างการรับรู้ของแคมเปญแล้ว ยังจะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่ได้จากการขาย 3 เมนูของหวาน ได้แก่ ไอศกรีมบัวลอยไข่เค็ม เยลลี่กาแฟ และชาเย็นโฟลตและสินค้าพรีเมี่ยม กระเป๋าบาร์บีกอน เพื่อร่วมมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ ที่ขาดโอกาสด้านการศึกษาอีกด้วย
8. Bar B Q Plaza ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชนไทยมาโดยตลอด ทั้งการสนับสนุนด้านทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลานของพนักงาน เปิดโอกาสให้กับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ได้ร่วมฝึกประสบการณ์วิชาชีพภายในองค์กร และยังได้จัดตั้ง “ศูนย์การเรียนฟู้ดแพชชั่น” เพื่อยกระดับคุณวุฒิวิชาชีพให้กับพนักงานในองค์กรได้ศึกษาต่อในระดับ ปวช. สาขาธุรกิจค้าปลีก ด้านงานธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร โดยได้การรับรองวุฒิการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งเหล่านี้ ได้ตอกย้ำถึงเป้าหมายของแบรนด์ที่จะเดินหน้าให้การสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา