ทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้จีนเพิ่มอีก 2 ชุด หลังจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 75,000 ล้านเหรียญ

ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเพิ่ม ตอบโต้รัฐบาลจีนที่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอีก 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

Donald Trump โดนัลด์ ทรัมป์
ภาพจาก Shutterstock

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตอบโต้หลังจากที่จีนได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา มูลค่า 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่อยู่ระหว่าง 25% สูงสุดอาจถึง 50% รวมไปถึงน้ำมัน และถั่วเหลือง ซึ่งการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล่านี้ของจีนถือว่าเป็นการตอบโต้ฐานเสียงผู้สนับสนุนทรัมป์โดยตรง

หลังจากที่จีนได้ประกาศการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกอาการเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง และยังได้ทวีตข้อความจำนวนมาก โดยกล่าวถึงว่าสหรัฐได้สูญเสียเงินหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากจีนเป็นเวลาหลายสิบปี และทรัมป์เองแนะนำให้บริษัทเอกชนของสหรัฐเตรียมหาลู่ทางออกจากการดำเนินธุรกิจกับประเทศจีน เช่น การกลับมาผลิตสินค้าในสหรัฐ หรือหาประเทศใหม่ๆ

ขณะเดียวกันทรัมป์เองยังได้แนะนำให้บริษัทขนส่งของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น FedEx UPS ฯลฯ ปฏิเสธการส่งสาร Fentanyl จากทั่วโลก หลังจากที่ประชาชนสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้กล่าวว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนยังไม่รับผิดชอบในเรื่องนี้ หลังจากได้รับปากทรัมป์

หลังประธานาธิบดีสหรัฐยังได้กล่าวถึงเรื่องของการขาดดุลทางการค้าสหรัฐกับจีน ว่าสหรัฐจะไม่ยอมให้จีนได้ดุลการค้ามหาศาลอีกต่อไป ซึ่งการตอบโต้ก่อนการเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ของประธานาธิบดีสหรัฐประกอบไปด้วย

  1. ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเป็น 30% จากเดิม 25% มูลค่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผลในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 70 ปี การสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์จีน
  2. ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเป็น 15% จากเดิม 10% มูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสินค้าบางชนิดจะมีผลใน 1 กันยายน ขณะที่สินค้าบางชนิดจะมีผลในวันที่ 15 ธันวาคม

สำหรับความเกรี้ยวกราดของประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น คาดว่าสาเหตุมาจากความล่าช้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งทรัมป์เองอาจมองว่าจีนอาจเริ่มดึงเกมยาวออกไปเรื่อยๆ จนหมดวาระที่จะถึงในปีหน้า ซึ่งทรัมป์เองเคยได้กล่าวไว้ นอกจากนี้ยังมีความหงุดหงิดในเรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจอาจไม่สวยงามเท่ากับในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาอีกด้วย

ผลของความเกรี้ยวกราดของทรัมป์ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ตกลง 2.59% มาอยู่ที่ 2,847.11 จุด ขณะที่ดัชนี Dow Jones ได้ตกลง 2.37% มาอยู่ที่ 25,628.90 จุด

ที่มา – Business Insider, CNBC, Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ