โดย บรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง
ไลฟ์สไตล์แบบออนไลน์ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งรวมถึงการใช้บริการของสถาบันการเงินด้วย เพราะผู้บริโภคสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องไปทำที่สาขาทำการ เราจึงเห็นข่าวของธนาคารหลายแห่งที่มีเครือข่ายสาขากระจายอยู่มากมายมีการลดหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบสาขาและการให้บริการให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนไปมากขึ้น ธุรกิจหลักทรัพย์เองก็เจอเรื่องนี้มานานแล้ว ห้องค้าหลักทรัพย์หลายๆ แห่งไม่ได้มีลูกค้าเข้าไปดูจอหุ้นเหมือนในอดีต ยิ่งถ้ารวมถึงสภาวะการแข่งขันที่สูงในขณะที่สภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นผันผวนทำให้หลายๆ บริษัทได้มีการพิจารณาความเหมาะสมของเครือข่ายสาขาให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ของธุรกิจด้วยเช่นกัน ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ดีต่อตลาดทุนในระยะยาวที่จำนวนนักลงทุนบ้านเรายังมีสัดส่วนไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นสถาบันการเงินที่เครือข่ายสาขาในต่างจังหวัดมีไม่มากนักโดยมักจะอยู่ตามหัวเมืองจังหวัดใหญ่ๆ แต่เรามีลูกค้านักลงทุนกระจายทั่วประเทศอยู่ในแทบทุกจังหวัดซึ่งเมื่อทุกครั้งที่ได้มีโอกาสเจอลูกค้าในจังหวัดรองเรามักได้ยินเสียงเรียกร้องให้ไปเปิดสาขาเพราะลูกค้ายังคงอยากเข้าถึงการบริการที่ใกล้ชิดเพื่อพบปะกับผู้แนะนำการลงทุนเพื่อขอคำแนะนำการลงทุนและการใช้เครื่องมือต่างๆ และหลายๆ คนก็อยากให้มีกิจกรรมสำหรับนักลงทุนที่ต่อเนื่องเป็นสังคมนักลงทุนเหมือนในจังหวัดที่เรามีสาขา แต่การที่จะตะลุยเปิดสาขาเต็มรูปแบบในยามนี้คงเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะในพื้นที่ที่จำนวนนักลงทุนและปริมาณธุรกรรมอาจไม่มากพอที่จะทุ่มเททรัพยากรไปประจำในจังหวัดนั้นๆ และเอาเข้าจริงแม้ในจังหวัดหัวเมืองที่เรามีสาขาอยู่แล้วลูกค้าก็ไม่ได้เข้าไปใช้บริการที่สาขากันเต็มเวลากันอยู่แล้ว ดังนั้นการตีโจทย์เพื่อหารูปแบบการให้บริการที่สร้างสมดุลย์ให้ได้ในแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
หลังจากครุ่นคิดหาไอเดียกันมาสักพัก เดือน พ.ค. ที่ผ่านมาเราจึงได้ผุด “Bualuang Pop-up Investment Space” มุมลงทุนของคนรุ่นใหม่ในจังหวัดที่เราไม่ได้มีสาขาและพนักงานประจำโดยเราเริ่มที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นแห่งแรก ภายใต้คอนเซ็ปท์ใหม่เอี่ยมนี้เราได้จัดให้ผู้แนะนำการลงทุนที่มีความชำนาญจากสาขาในพื้นที่ใกล้เคียงเข้าไปประจำการในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยปักหลักที่ร้านกาแฟและ co-working space สุดฮิปใจกลางตัวเมืองอาทิตย์ละหนึ่งวัน โดยกำหนดเป็นวันศุกร์ของทุกอาทิตย์อย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงสามารถแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนทีมงานกันได้สะดวกไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ มีปัญหาข้อซักถามด้านลงทุนหรือการใช้เครื่องมือการลงทุนก็แวะเวียนมาพบเจอตัวเป็นๆ กันได้ ใครไม่อยากนั่งเทรดหุ้นเหงาๆ อยู่บ้านคนเดียวก็แวะมาหาเพื่อนนักลงทุนคอเดียวกันได้ที่นี่ และทุกบ่ายของวันเราได้อาศัยพื้นที่ของโคเวิร์กกิ้งสเปซในการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้และเวิร์กชอปเทคนิคการลงทุนแก่นักลงทุนด้วยทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสังคมเล็กๆ ของการพบปะกับลูกค้านักลงทุนแบบอบอุ่นสบายๆ เป็นกันเอง ได้ทั้งความรู้ได้ทั้งเพื่อน และมีกาแฟ อาหารและขนมอร่อยๆ บริการไปอีก เป็นเหมือนการเข้ามาสำนักงานบริษัทหลักทรัพย์แต่กลับได้บรรยากาศสบายปลอดโปร่งเหมือนมาบ้านเพื่อน ชุมชนการลงทุนในพื้นที่ต่างจังหวัดเลยกลายเป็นบรรยากาศแบบฮิปๆ ชิลๆ กันไปแบบที่ว่าในกรุงเทพฯ เองน่าจะอิจฉาเสียด้วยซ้ำ
รูปแบบดังกล่าวน่าจะเป็นรูปแบบใหม่ที่ทำให้บริการด้านการลงทุนของเราเข้าถึงลูกค้านักลงทุนและมีส่วนในการพัฒนาตลาดทุนเพราะสิ่งที่เราใช้นำทางคือการสร้างความรู้ความเข้าใจในการออมเงินและการลงทุนให้กับนักลงทุนในจังหวัดรองมากขึ้นซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ สุดท้ายต้องรอดูผลการตอบรับกันอีกสักพัก…ลองดูครับว่าการ “สวนกระแสแบบไหลไปกับกระแส” ในยุค sharing economy ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา