เถ้าแก่น้อยรุกธุรกิจร้านอาหาร นำเข้าแฟรนไชส์ Hinoya Curry ร้านข้าวแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้า The Market Bangkok เป็นการขยายพอร์ตร้านอาหาร เพื่อกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยว
เจาะธุรกิจรีเทล ร้านอาหาร ลดการพึ่งพานักท่องเที่ยว
ถ้าพูดถึงแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” เรียกว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดขนมขบเคี้ยวในไทย นอกจาเป็นผู้นำในตลาดสาหร่ายแล้ว ยังมีการแตกเซ็กเมนต์ไปยังกลุ่มอื่นมากขึ้นด้วยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การขยายมาธุรกิจรีเทลก็เป็นอีกกลยุทธ์ของเถ้าแก่น้อย โดยมีการเปิดร้าน “เถ้าแก่น้อยแลนด์” จำหน่ายสินค้าในเครือ รวมถึงสินค้าที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว เป็นการตั้งบริษัทลูก “เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์” เพื่อบริหารธุรกิจรีเทล และร้านอาหารโดยเฉพาะ ได้เปิดมา 6 ปีแล้ว ปัจจุบันมีร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ 21 สาขา
ในปีนี้เถ้าแก่น้อยได้รุกธุรกิจรีเทล และร้านอาหารมากขึ้น ได้คว้าแฟรนไชส์ร้าน Hinoya Curry ร้านข้าวแกงกะหรี่ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น มีต้นกำเนิดที่ Yushima ในกรุงโตเกียวตั้งแต่ปี 2011 ได้แจ้งเกิดจากการคว้ารางวัล Kanda Curry Grand Prix ปี 2013 การแข่งขันแกงกะหรี่ระดับประเทศ ปัจจุบันมีทั้งหมด 50 สาขา
จุดเริ่มต้นของการได้แฟรนไชส์ร้าน Hinoya Curry นั้น “อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด เล่าว่า
“ปกติเป็นชอบเที่ยวญี่ปุ่นอยู่แล้ว ไปเที่ยวแล้วก็ทำงานด้วย มีเพื่อนแนะนำให้ไปทานที่ร้านนี้เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในญี่ปุ่น เป็นธุรกิจครอบครัวแบบเล็กพริกขี้หนู พอทานแล้วชอบเลยชวนมาทำไทยประเทศไทย เป็นสาขาแรกนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย”
อิทธิพัทธ์บอกว่าการที่ขยายมาธุรกิจรีเทลอย่างร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ ก็เป็นร้านที่เจาะตลาดนักท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างมาก โดยช่วง 3 เดือนแรกของปีมียอดนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 10%
เพราะฉะนั้นการขยายพอร์ตมายังธุรกิจร้านอาหารจึงเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลดการพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวซึ่งมีความผันผวนอยู่ตลอด และธุรกิจร้านอาหารเองก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีด้วย
สินค้าต้องแตกต่าง และตลาดยังมีช่องว่าง
ร้าน Hinoya Curry เป็นร้านอาหารร้านแรกของธุรกิจอาหารในเครือเถ้าแก่น้อย อิทธิพัทธ์มองว่าตลาดร้านอาหารในไทยมีมูลค่า 22,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 15%
กลุ่มร้านแกงกะหรี่ยังเป็นกลุ่มที่เล็กมาก มีผู้เล่นน้อย มีแบรนด์ใหญ่เพียงรายเดียวคือ CoCoICHIBANYA นอกนั้นเป็นร้านเล็กๆ ร้านโลคอล ผู้เล่นร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไปเล่นเซ็กเมนต์อื่นอย่างราเม็ง หรือซูชิ
แต่มองว่ามีโอกาสการเติบโตสูง เพระาพฤติกรรมคนไทยชอบทานข้าวกับแกงอยู่แล้ว และร้าน Hinoya Curry ก็มีจุดเด่นที่เป็นข้าวแกงกะหรี่คอนเซ็ปต์ “แกงมิดข้าว” มีราคาเริ่มต้น 140 บาท และมีท็อปปิ้งให้เลือกใส่เพิ่ม 30 ชนิด
“หลักการเลือกแบรนด์มาเติมในพอร์ตนั้น มีหลักการเลือก 3 อย่าง 1.ธุรกิจนั้นต้องมีตลาดแต่ยังไม่มีเติมเต็ม มีช่องว่าง มีโอกาสอยู่ 2.สินค้าต้องแตกต่างที่ได้เปรียบคุ่แข่ง และ 3.ต้องมีระบบการขยายธุรกิจที่ดี”
เป้ารายได้ 1,000 ล้านใน 5 ปี
ตอนนี้ร้าน Hinoya Curry ได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้า The Market Bangkok เป็นสาขาแรก โดยเตรียมเปิดอีก 1 สาขาในเดือนพฤษภาคม ในปีนี้ต้งเป้าขยายเพิ่ม 3-4 สาขา และเพิ่มเป็น 10 สาขาใน 3 ปี
ในปี 2018 เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์มีรายได้รวม 280 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาทเพราะมีร้านอาหารเข้ามาเพิ่ม และมีรายได้ 1,000-1,400 ล้านบาทภายใน 5 ปี
พร้อมกับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากที่ปัจจุบัน เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ คิดเป็นสัดส่วน 7-8% ของเถ้าแก่น้อย ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% ในอนาคต
สรุป
เป้นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการอยู่รอดในการทำธุรกิจในยุคนี้ ต้องกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของบ้านเมือง ซึ่งธุรกิจร้านอาหารยังคงเป็นอาวรุง่ที่หลายธุรกิจลงมาจับ มีการแตกธุรกจิมายังธุรกิจนี้ การที่เถ้าแก่น้อยขยายธุรกิจมาเปิดร้านอาหาร ช่วยเสริมธุรกิจเดิมให้แข็งแรงขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา