ปีนี้ถือเป็นปีทองของ Disney เลยก็ว่าได้ เพราะผลงานภาพยนตร์ยอดฮิตกวาดรายได้กันถล่มทลายตลอดทั้งปี มีรายได้รวมกันแล้ว 5.8 พันล้านดอลลาร์
- Captain America: Civil War จากบริษัทลูก Marvel กวาดรายได้สูงสุด 1.15 พันล้านดอลลาร์
- Zootopia แอนิเมชันของ Disney เอง กวาดรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์
- Finding Dory จากบริษัทลูก Pixar กวาดรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์
- The Jungle Book หรือเมาคลีลูกหมาป่า ภาคคนแสดง ทำรายได้ 966 ล้านดอลลาร์
- Star Wars: The Force Awakens จากบริษัทลูก Lucasfilm ถึงแม้ออกฉายปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีรายได้คาบเกี่ยวมาจนถึงปีนี้ด้วยอีก 736 ล้านดอลลาร์
ล่าสุด ภาพยนตร์ฮีโร่ Doctor Strange ในเครือ Marvel ก็เปิดตัวทำรายได้สวยงาม ส่วนรายได้รวมต้องรออีกสักระยะถึงจะเห็นชัดว่าทำเงินแค่ไหน
เท่านั้นยังไม่พอ ปลายปีนี้ Disney ยังมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์รอคิวฉายอีกเรื่องคือ Rogue One: A Star Wars Story ภาพยนตร์ในซีรีส์ Star Wars ที่แยกจากภาคหลัก และน่าจะทำรายได้ถล่มทลายเช่นกัน
จะเห็นว่ารายได้จากภาพยนตร์ของ Disney ล้วนมาจากบริษัทลูกทั้ง 3 รายที่ไปซื้อกิจการมา ไม่ว่าจะเป็น Pixar (ซื้อจากสตีฟ จ็อบส์ ในปี 2006 มูลค่า 7.4 พันล้านดอลลาร์), Marvel (ซื้อมาปี 2009 ราคา 4 พันล้านดอลลาร์) และ Lucasfilm (ซื้อปี 2012 ราคา 4 พันล้านดอลลาร์)
Disney ทำเงินได้อย่างมากจากภาพยนตร์ฮีโร่ชุด Marvel ที่ประกอบด้วยภาพยนตร์หลายสิบเรื่อง และการกลับมาอีกครั้งของ Star Wars ที่ทำรายได้เกิน 2 พันล้านดอลลาร์ด้วยการฉายภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียว (แถมยังมีรอต่อคิวอีกมาก) ในปี 2015 บริษัทประกาศทำสถิติรายได้สูงสุดจากการฉายภาพยนตร์ไปแล้วครั้งหนึ่ง และปี 2016 ยังไม่ทันครบปีดี สถิติเดิมก็ถูกทำลายซะแล้ว
ตัวเลขรายได้เหล่านี้เป็นหลักฐานบ่งชี้ที่ดีมากว่า ยุทธศาสตร์การขยายตัวด้วยการซื้อกิจการของซีอีโอ Bob Iger เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และสามบริษัทหนังที่ซื้อมานั้นคุ้มค่ามาก แค่เงินรายได้จากหนังก็มหาศาลแล้ว
นี่ยังไม่รวมถึงรายได้ต่อยอดจากทางอื่นๆ เช่น สวนสนุก ขายของเล่น ของที่ระลึก การฉายซีรีส์ประกอบหนัง ที่เกี่ยวข้องกับคาแรกเตอร์ของ Pixar, Marvel, Star Wars อีกต่างหาก
ข้อมูลรายได้หนังจาก Polygon
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา