Yamazaki หรือยามาซากิ คือร้านขนมปังจากญี่ปุ่นที่อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2527 แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสรุปแล้วร้านขนมปังรายนี้ทำตลาดทั้งหมดกี่แบรนด์ แถมยังรายงานรายได้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าถึงพันล้านบาทด้วย
เข้ามาสร้างความคึกคักให้ตลาดเบเกอรี่
แบรนด์ขนมปังยามาซากินั้นก่อตั้งในญี่ปุ่นเมื่อปีพ.ศ.2491 โดย “โทจูโร่ อิอิจิม่า” เพราะเขาเห็นว่าโอกาสในตลาดเบเกอรี่ที่นั่นค่อนข้างเปิดกว้าง จึงใช้แนวคิดจำหน่ายสินค้าภายใต้วัตถุดิบคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผลจนทำให้ Yamazaki นั้นยิ่งใหญ่มาถึงตอนนี้ผ่านยอดขายในปี 2561 กว่า 1.05 ล้านล้านเยน (ราว 3 แสนล้าบาท)
แต่จำนวนยอดขายนั้นก็ไม่ได้มาจากในญี่ปุ่นอย่างเดียว ยังมียอดขายจากต่างประเทศด้วย เนื่องจากยามาซากิเริ่มออกมาทำตลาดนอกญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2524 โดยฮ่องกงคือแห่งแรกที่ยักษ์ใหญ่เบเกอรี่รายนี้ออกมาตั้งสาขา และไทยก็ตามมาในปี 2527 ก่อนจะทยอยขยายตลาดไปในเอเชียประเทศอื่นๆ รวมถึงยุโรป และสหรัฐอเมริกาด้วย
สำหรับในประเทศไทยนั้น “ยามาซากิ” เข้ามาสร้างความคึกคักให้กับตลาดเบเกอรี่อย่างมาก เพราะช่วยที่เข้ามาใหม่ๆ นั้นเรียกว่าเปิดโลกคนชอบกินขนมปังเลยก็ว่าได้ ผ่านรสชาติแปลกใหม่ในราคาที่เข้าถึงง่าย และต่อมาก็มีการแตกแบรนด์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มความแตกต่าง และวางตำแหน่งสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
แบรนด์ย่อยกว่า 12 แบรนด์ที่แตกต่างด้วยภาพลักษณ์
ขนมปังยามาซากิในประเทศไทยทำตลาดโดย บริษัท ไทย ยามาซากิ จำกัด และหากอ้างอิงจากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะพบว่าบริษัทนี้ถือหุ้นโดยคนญี่ปุ่นเป็นหลัก มีทุนจดทะเบียน 64 ล้านบาท ส่วนยอดขายในปี 2560 อยู่ที่ 987 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท
ด้านแบรนด์ที่ทำตลาดในประเทศไทยนั้นประกอบด้วย Yamazaki, Saint Etoile, Saint Etoile Premium, Yamazaki Express, Chez Recamier, Saison du Soleil, Boulengerie Chaude, Flavor Field, Sunmoulin Royal, Sunmuan, Sunroyal และล่าสุด J’s Bekery ที่อยู่ใน Siam Takashimaya
ถ้านับดูก็จะพบ่วามีถึง 12 แบรนด์ในการทำตลาด รวมมีสาขาเกือบ 100 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็วางภาพลักษณ์แตกต่างกัน เช่นเป็นพรีเมียมแบรนด์ หรือเน้นจำหน่ายเค้ก และของหวานเป็นต้น โดยทางบริษัทมีโรงงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานีด้วย
คู่แข่งจำนวนมากที่พร้อมท้าทายผู้นำตลาด
แม้ยามาซากิจะเข้ามาเปิดโลกเบเกอรี่ให้กับคนไทยเมื่ออดีต แต่ปัจจุบันนั้นมีคู่แข่งร้านขนมปังจากต่างประเทศจำนวนมากเข้ามาทำตลาด ทั้งจากญี่ปุ่นเองเช่น Little Mermaid หรือจากฝรั่งเศสเช่น Paul รวมถึงแบรนด์เบเกอรี่ท้องถิ่นที่ผลิตสินค้าออกมาได้รสชาติที่เทียบเท่า หรือดีกว่า
ทำให้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ยามาซากิจะรักษาตำแหน่งผู้นำในแง่ยอดขายเอาไว้ได้ เพราะด้วยการแตกแบรนด์ออกมาจำนวนมาก แต่ภายในร้านต่างๆ ก็จำหน่ายขนมปังที่มีรูปแบบคล้ายกัน เพียงแต่ปรับราคาให้พรีเมียมขึ้น ซึ่งผู้บริโภคเริ่มจับจุดได้ และเริ่มมองข้ามยามาซากิไปไม่มากก็น้อย
ยิ่งในอนาคตแบรนด์เบเกอรี่จากต่างชาติก็มีแนวโน้มเข้ามาทำตลาดมากขึ้นไปอีก รวมถึงเบเกอรี่ไทยก็พัฒนาฝีมือดีขึ้นเรื่อยๆ มันจึงเป็นการยากที่ยามาซากิจะขายด้วยจุดเด่นเดิมๆ ซึ่งในอนาคตก็เชื่อว่าน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของขนมปังยามาซากิไม่มากก็นอย และคงไม่ใช่แค่การเพิ่มแบรนด์ใหม่แต่ขายสินค้าเหมือนเดิมอีกต่อไป
สรุป
ช่วงนี้การแข่งขันของธุรกิจเบเกอรี่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะร้านขนมปังภายในห้างสรรพสินค้าที่ไม่ได้มีแต่ยามาซากิอีกต่อไป ยิ่งตอนนี้สังเกตเห็นว่าเวลาที่ร้านคู่แข่งทำอะไรออกมาแล้วโด่งดัง ทางยามาซากิเองก็ไม่รอช้าที่จะตามน้ำด้วย มันก็ยิ่งเห็นว่าตัวแบรนด์ยังย่ำอยู่กับที่ และรอให้คู่แข่งทิ้งห่างไปเรื่อยๆ เท่านั้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา