Sizzler ขยายช่องทางสู่ตลาดเดลิเวอรี่ นำร่อง 25 สาขาในกรุงเทพฯ มีราคาถูกกว่าหน้าร้าน 100-130 บาท แต่ไม่มีสลัดบาร์ สั่งได้ทุกแบรนด์ในเครือไมเนอร์
ประเทศไทยเป็นที่แรกของโลกที่ทำเดลิเวอรี่
ตลาดเดลิเวอรี่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งอีคอมเมิร์ซซื้อของออนไลน์ และฟู้ดเดลิเวอรี่ส่งอาหาร เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบาย ทำให้แบรนด์ร้านอาหารต้องลงมาช่วงชิงตลาดนี้กัน
แต่กับอาหารในกลุ่มของ “สเต็ก” การทำเดลิเวอรี่ดูเหมือนจะไม่ง่ายนัก เพราะมีในเรื่องของความร้อน ความสุกของชิ้นเนื้อ ทำให้เป็นข้อจำกัดในการจัดส่งอาหาร จึงเป็น Pain Point ในการพัฒนาระบบเดลิเวอรี่ของ Sizzler
Sizzler ได้เปิดให้บริการเดลิเวอรี่เป็นครั้งแรกในไทย และครั้งแรกของโลก ซึ่งในบริษัทแม่ที่ออสเตรเลีย หรือที่สหรัฐอเมริกาก็ยังไม่เคยมีบริการนี้เช่นกัน ในประเทศไทยเป็นต้นคิดบริการนี้เพราะมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดเดลิเวอรี่ พฤติกรรมผู้บริโภค จึงพัฒนาระบบต่างๆ เป็นเวลา 1 ปี ทั้งหาข้อมูล พัฒนาแพ็คเกจจิ้ง เพื่อให้การส่งอาหารเหมือนกับการทานหน้าร้านมากที่สุด
อีกทั้งภูมิประเทศของประเทศไทยสามารถทำได้ง่ายกว่าประเทศอื่นๆ โซนของสาขาในกรุงเทพฯ อยู่ติดกันทำให้ส่งอาหารได้ง่าย
บัญญัติ อธิยุตกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด กล่าวว่า
“ตลาดเดลิเวอรี่มีการเติบโตอย่างมากเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ในการทำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับร้านอาหารโดยเฉพาะสเต็ก เพราะทำอย่างไรให้เหมือนทานที่ร้านมากที่สุด อีกทั้งประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ของ Sizzler ทางบริษัทแม่จึงไว้วางใจในการพัฒนาระบบจนเป็นที่แรกในการเปิดบริการนี้”
ในเวลา 1 ปีที่ได้พัฒนาระบบ มีการคิดตั้งแต่เรื่องเมนู การเสิร์ฟ แพ็คเกจจิ้งที่ใช้พลาสติกให้น้อยที่สุด สามารถย่อยสลายได้ใน 3-6 เดือน ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศต้นแบบในการทำระบบเดลิเวอรี่ แล้วจึงขยายไปที่ประเทศอื่น
บริการเดลิเวอรี่จะเริ่มให้บริการจัดส่งเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งหมด 25 สาขา ในระหว่างเวลา 10.00 – 21.00 น. สามารถสั่งได้ผ่าน 3 ช่องทางแอพพลิเคชั่น, คอลเซ็นเตอร์ เบอร์ 1112 และเว็บไซต์ โดยจะคิดค่าบริการจัดส่งครั้งละ 50 บาท ทุกระยะทาง (ไม่มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อ)
แต่ตอนนี้ยังไม่การันตีเวลาในการจัดส่งว่าจะส่งภายในกี่นาที ขึ้นอยู่กับการทำสเต็กในแต่ละเมนู ต้องทดลองตลาดสัก 2 สัปดาห์ถึงจะบอกได้ชัดเจน
ปกติแล้ว Sizzler มีลูกค้าในกลุ่ม Take Away หรือซื้อกลับบ้านในสัดส่วน 5% หลังจากมีบริการเดลิเวรี่จะเพิ่มเป็น 15% ได้
ราคาถูกกว่าหน้าร้านเซ็ตละ 100-130 บาท
โดยปกติแล้วถ้ามาทานอาหารที่ Sizzler เมื่อสั่งเมนูหลักก็สามารถทานสลัดบาร์ได้ไม่อั้น ความพิเศษเมื่อสั่งเดลิเวอรี่จะมีราคาถูกกว่าหน้าร้านถึง 100-130 บาท เพราะไม่ได้เสิร์ฟพร้อมสลัดบาร์ สำหรับลูกค้าที่อยากทานแต่เมนูหลักเพียงอย่างเดียว
นงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด บอกว่า
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่เดิมถ้ามาซื้อกลับบ้านที่หน้าร้านจะเป็นราคาเท่ากับทานที่ร้าน แต่ตอนนี้เราปรับราคาของเดลิเวอรี่ให้ถูกกว่า 100-130 บาท เช่น เมนูไก่สไปซี่ราคา 169 จาก 289 บาท เพราะไม่ได้เสิร์ฟพร้อมสลัด เป็นการสร้างความเท่าเทียมให้ลูกค้า เพราะบางคนไม่ได้อยากทานสลัด”
ถ้าลูกค้าคนไหนอยากสั่งสลัดเพิ่มก็สามารถสั่งได้มีราคาตั้งแต่ 109-159 บาท
เมนูของ Sizzler ที่ลูกค้าจะสามารถใช้บริการแบบเดลิเวอรี่ได้ จะประกอบด้วย 10 เมนู ได้แก่ เมนูพอร์คลอยน์, บาร์บีคิว พอร์ค บอสตัน, เฟรนซ์คัท พอร์คช้อป, ซี่โครงหมูบาร์บีคิว, ไก่ย่างสไปซี่, ไก่ย่างฮิบาชิ, ไก่ย่างเซาท์เวสต์, ปลาบารามันดีย่าง, สเต็กปลาแซลมอน และ แซลมอนเทอริยากิ ยังไม่มีเมนูเนื้อ เพราะเมนูเนื้อต้องมีระดับความสุกของชิ้นเนื้อ เมื่อไปถึงมือลูกค้าอาจจะไม่ได้ตามต้องการก็ได้
สรุป
เป็นทิศทางของธุรกิจร้านอาหารที่ต้องลงมาจับตลาดเดลิเวอรี่ เพราะพฤติกรรมลูกค้ามีการสั่งออนไลน์มากขึ้น ชอบความสะดวกสบายมากขึ้น เป็นการทำการบ้านอย่างหนักของ Sizzler เช่นกัน เพราะต้องพัฒนาระบบหลายอย่างซึ่งต่างประเทศยังไม่เคยทำมาก่อน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา