เป็นข้อถกเถียงในหมู่นักลงทุนชาวไทยมาสักพักใหญ่ๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วใครกันแน่ที่มีส่วนผลักดันให้ดัชนีของตลาดหุ้นไทยขึ้นไปได้
Brand Inside สรุปประเด็นจากบทวิเคราะห์ของ HSBC สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ ที่ผ่าโครงสร้างของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาว่ามีโครงสร้างหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
ต่างชาติหายไป
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ HSBC มองว่าการชุมนุมของไทยในช่วงปี 2013 เป็นต้นมา ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มที่จะลดน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งการทยอยขายหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนต่างชาติทำให้สถาบันในประเทศกลายเป็นผู้ชี้นำตลาดแทน
แต่ข่าวดีระยะสั้นๆ คือเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติอาจกลับมาอีกครั้งในช่วงของการเลือกตั้งไทยที่กำลังใกล้จะถึงเร็วๆ นี้ในเดือนมีนาคมด้วย
ปัจจุบัน HSBC ได้รายงานว่าไทยเหลือสัดส่วนนักลงทุนชาวต่างชาติอยู่ประมาณ 22.2% ลดลงจากเดิมในปี 2012 ทีมีนักลงทุนชาวต่างชาติสัดส่วนที่ 26.8% ขณะที่ปัจจุบันนักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนราวๆ 77.8%
สถาบันในประเทศผู้ผลักดันดัชนีตัวจริง
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยผู้ที่ขับเคลื่อนตัวจริงอาจเป็นสถาบันในประเทศ หลังจากที่เม็ดเงินนักลงทุนจากต่างประเทศได้ทยอยขายหุ้นไทยออกมาในช่วงที่ผ่านมา และได้พาดัชนีหุ้นไทยตกลงตามไปด้วย ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ราวๆ 14% เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาด
สำหรับสถาบันในประเทศที่สำคัญๆ ประกอบไปด้วย กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนที่บริหารโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พอร์ตการลงทุนของบริษัทประกันภัยต่างๆ
อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะมีนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยในช่วง 5 ปีถือว่าดีที่สุดในอาเซียน
เมื่อผลตอบแทนไม่พอ ตลาดหุ้นไทยคือทางออก
HSBC มองว่าสัดส่วนของสถาบันภายในประเทศไทยจะมีเม็ดเงินในการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ไม่สามารถจะให้ผลตอบแทนที่ดีมากได้ ทำให้ HSBC มองว่าเม็ดเงินอีกมหาศาลจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ยังรวมไปถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของรัฐวิสาหกิจและเอกชนจำนวนมากที่กำลังเติบโตเรื่อยๆ ด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นกองทุนเช่น RMF หรือกองทุนหุ้นอื่นๆ ของไทยก็มีเม็ดเงินที่เติบโตเช่นเดียวกันอีกด้วย
สิ่งที่เราจะได้เห็น
ถ้าหากผู้เล่นอย่างสถาบันในประเทศมากขึ้น อนาคตของตลาดหุ้นไทยที่ HSBC มองไว้คือ
- สภาพคล่องที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีผู้เล่นมากขึ้น
- หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กอาจได้รับความนิยมอีกรอบ
- ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยอาจลดลงมากขึ้น เนื่องจากสถาบันในประเทศส่วนใหญ่เน้นถือหุ้นระยะยาว เช่น กบข. หรือ ประกันสังคม
ที่มา – บทวิเคราะห์ของ HSBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา