ประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา 7-Eleven (เซเว่น อีเลฟเว่น) เลิกขายสินค้าของ 1-2-Call เรียกว่าทั้งซิมการ์ด บัตรเติมเงินหรือสลิปเติมเงินก็ไม่มีขาย จากข้อมูลพบว่า 7-Eleven มีการเจรจาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากับ AIS (เอไอเอส) จากเดิมได้ส่วนแบ่ง x% จากการเติมเงินผ่าน 7-Eleven แต่ขอให้ปรับเพิ่มอีกมากกว่า 25% ของส่วนแบ่งเดิม (x%) แต่การเจรจาไม่บรรลุผล 7-Eleven จึงหยุดซื้อ 1-2-Call และให้บริการเติมเงินเท่าที่ยังมีอยู่ จนกระทั่งเงินสำหรับเติมให้กับ 1-2-Call หมดลงไปในที่สุด
จากข้อมูลดังกล่าว ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเบื้องต้นมี 3 ฝ่ายด้วยกัน คือ ร้าน 7-Eleven, AIS และผู้ใช้บริการ 1-2-Call ลองมาดูกันว่า มีใครได้ใครเสียอะไรกันบ้าง
รับเติมเงิน TrueMove H อยู่แล้ว ไม่ต้องง้อ 1-2-Call
7-Eleven ในฐานะร้านสะดวกซื้ออันดับ 1 ของไทย ที่มีสาขา 8,832 แห่ง ณ สิ้นปี 2558 ครอบคลุมทุกพื้นที่มากที่สุด และมีอัตราการเพิ่มสาขา เฉลี่ย 600 สาขาต่อปี (ดังนั้นสิ้นปีปี 2559 น่าจะมีประมาณ 9,400 สาขา) ตั้งเป้าว่า ในปี 2561 จะมีจำนวนสาขาในไทยครบ 10,000 แห่ง นี่คือ ความสะดวกในการเติมเงินที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
เริ่มแรก 7-Eleven ต้องการบริการเติมเงินของ 1-2-Call เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เพราะจำนวนผู้ใช้มือถือเติมเงิน 1-2-Call มีมากที่สุด แต่เมื่อวันเวลาผ่านเลยมา จำนวนผู้ใช้ TrueMove H ก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยแล้ว โดยมีผู้ใช้งาน 16.2 ล้านรายทั่วประเทศ ดังนั้น มาถึงวันนี้ ถ้าจะไม่มีสินค้า 1-2-Call จำหน่าย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา 7-Eleven ได้เสนอให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนมาใช้ TrueMove H ได้ทันทีผ่าน 7-Eleven ซึ่ง กสทช. ก็อนุญาตให้ทำได้ เพราะถือเป็นการอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ ดังนั้น 7-Eleven มีเฉพาะสินค้าและบริการของ TrueMove H จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
AIS ไม่ห่วง ใช้ตู้บุญเติม และร้านโชว์ห่วยทั่วไปแทนได้
โจทย์เดียวของ AIS คือ ต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมๆ ที่ใช้งานแอป หรือ สมาร์ทโฟนไม่ถนัด จะทำยังไงให้หาจุดเติมเงินได้ง่ายเหมือนเดิม
การขาดจุดขายอย่าง 7-Eleven ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เพราะความเคยชินของผู้ใช้ที่เคยเติมเงินง่ายๆ ที่ 7-Eleven ยิ่งคนอายุมากหน่อย ยื่นมือถือให้พนักงานช่วยเติมเงินให้ด้วย ทางออกของ AIS อยู่ที่ ตู้บุญเติมหน้า 7-Eleven นั่นเองที่สามารถเติมเงินได้เช่นกัน หรืออีกทางหนึ่งคือ ร้านโชว์ห่วยต่าง หรือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดที่ AIS ใช้เป็นจุดเติมเงินแทน
ด้วยจำนวนลูกค้า 33.5 ล้านราย อีกส่วนหนึ่งคือ ผู้ใช้งานในปัจจุบันมีความเป็น ดิจิทัล มากขึ้น ใช้สมาร์ทโฟนได้ LINE, Facebook คือแอปสามัญประจำเครื่องอยู่แล้ว ถ้าสามารถใช้งาน mPay ได้สักหน่อย ก็เติมเงินเองได้ (หรือเติมให้คนอื่นๆ ได้ด้วย) นี่เป็นความหวังหนึ่งของ AIS เช่นกัน
ผู้ใช้บริการ เรียนรู้ช่องทางใหม่ๆ ไม่ก็ย้ายค่ายไปเลย
การตัดสินใจเลือกผู้ให้บริการ ทั้ง AIS, dtac และ TrueMove H สิ่งสำคัญที่สุดคือ มีสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ที่เราอยู่ประจำหรือไม่ ให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตเร็วระดับ 4G หรือป่าว ถ้าผู้ใช้มีความสุขกับ 4G ของ AIS ดีอยู่แล้ว แค่การเติมเงินผ่าน 7-Eleven ไม่ได้ ไม่น่าจะเป็นปัญหา เชื่อว่าสามารถหาช่องทางการเติมเงินอื่นๆ ในระแวกใกล้เคียงได้ไม่ยาก อย่างน้อยที่สุด ตู้บุญเติม หน้า 7-Eleven ก็ใช้งานได้
ช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านสะดวกซื้ออื่น (Family Mart, Tesco Lotus Express ฯลฯ) ร้านโชว์ห่วย หรือพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป หรือแม้แต่การใช้แอป mPay ก็สามารถทำได้ไม่ยากนัก
แต่ถ้ามันหาไม่ได้จริงๆ ก็ย้ายค่ายเบอร์เดิม ไปอยู่กับ TrueMove H เลยก็ได้ แล้วสุดท้ายถ้าไม่พอใจสักระยะค่อยย้ายกลับมา AIS เหมือนเดิม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา