หอคอยฟอกอากาศขนาดใหญ่ในฮ่องกง เตรียมเปิดใช้งาน 20 มกราคมนี้
ฮ่องกงเตรียมเปิด “หอคอยฟอกอากาศ” ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลก ให้ประชาชนชาวฮ่องกงได้ใช้งานในวันที่ 20 มกราคม 2019 โดยจะตั้งอยู่ที่ใกล้บริเวณถนนบายพาส เซ็นทรัลหว่านไจ๋ (Central–Wan Chai Bypass) เนื่องจากต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และบำบัดอากาศที่เป็นพิษ
รูปทรงของหอคอยฟอกอากาศขนาดใหญ่นี้ออกแบบเป็นทรงเกลียวใบไม้ มีคุณสมบัติในการกำจัดอนุภาคแขวนลอยที่เป็นอันตราย (harmful suspended particulates) และไนโตรเจนไดออกไซด์ได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์บนถนนทั้งสองสายที่เปิดให้บริการ อย่างไรก็ดี มีการอ้างว่าระบบฟอกอากาศนี้สามารถจัดการกับไอเสียของรถยนต์ได้ถึง 5.4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
วิธีการทำงานของหอคอยฟอกอากาศ เริ่มต้นจากจะมีพัดลมขนาดใหญ่ที่ดูดไอเสียเข้าไปเพื่อฟอกอากาศ ผ่านอาคารระบายอากาศ 3 แห่งตามแนวอุโมงค์ และอากาศจะผ่านตัวตกตะกอนไฟฟ้าสถิตเพื่อแยกอนุภาคที่เป็นอันตราย จากนั้นผ่านตัวกรองอีกชั้นหนึ่งเพื่อกำจัดไนโตรเจนไดออกไซด์ เสร็จแล้วเมื่อครบขั้นตอนของการฟอกอากาศ ขั้นตอนสุดท้ายระบบจะปล่อยอากาศที่บริสุทธิ์คืนสู่โลกภายนอก
Kelvin Lo ผู้จัดการโครงการทางหลวง ระบุว่า หอคอยฟอกอากาศแห่งนี้จะช่วยทำให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 11,000 ตันต่อปี พลังดูดซับเทียบเท่าต้นไม้ 480,000 ต้น หรือเทียบได้กับการดูดซับของต้นไม้ในสวน Victoria Parks (สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง) จำนวน 67 แห่งรวมกัน
มูลค่าของหอคอยฟอกอากาศแห่งนี้อยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 1,018 ล้านบาท) โดย 5% ของเงินจำนวนนี้จะเป็นค่าบำรุงรักษาในทุกปี
อย่างไรก็ตาม มีหลายหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมในฮ่องกงที่ต้องการให้มีการนำเอาระบบฟอกอากาศในติดตั้งในเขตอื่นๆ ที่มีปัญหามลพิษและแออัดด้านการจราจรด้วย
[เพิ่มเติม] มีข้อมูลว่า อากาศที่เป็นพิษในเมืองนั้นประกอบไปด้วย ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไนโตรเจนออกไซด์, คาร์บอนไดออกไซด์ รวมอนุภาคขนาดเล็กอย่าง PM 10 และ PM2.5 ที่กำลังเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทย
- อ่านบทความเพิ่มเติม ทำไมฝุ่นพิษขนาดเล็ก PM 2.5 ถึงสร้างปัญหาใหญ่ให้สังคมไทย?
[รู้ไว้ใช้ว่า = ถนนบายพาส เซ็นทรัลหว่านไจ๋ ในประเทศฮ่องกง ที่จะมีหอคอยฟอกอากาศในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ประชาชนชาวฮ่องกงรอคอยมานาน เพราะใช้เวลาในการก่อสร้างเกือบ 10 ปี และใช้งบประมาณไปกว่า 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง]
ที่มา – South China Morning Post
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา