Ford ตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับปี 2021 ยังไม่ขายคนทั่วไป ให้เช่าอย่างเดียว

รถยนต์ไร้คนขับของ Ford

ในบรรดาค่ายรถฝั่งอเมริกาที่เร่งปรับตัวเพื่อรับมือเทคโนโลยี “รถยนต์ไร้คนขับ” ที่มี Waymo (ในเครือ Alphabet), Uber, Tesla เป็นหัวหอก ก็มีค่าย GM ที่มีผลงานโดดเด่นจากการซื้อกิจการสตาร์ตอัพ Cruise มาเป็นศูนย์กลางในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของตัวเอง (อ่าน รู้จัก Mary Barra ซีอีโอหญิงแกร่งแห่ง GM ผู้ที่อาจมาโค่น Elon Musk แห่ง Tesla)

ส่วนค่าย Ford เพิ่งมีการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ช่วงต้นปี หลังปลดซีอีโอคนเดิม ตั้งซีอีโอคนใหม่ Jim Hackett ที่ประกาศแผนลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงตั้งบริษัทลูก Ford Autonomous Vehicles LLC (Ford AV) ขึ้นมารับผิดชอบการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ พร้อมเงินลงทุนถึง 4 พันล้านดอลลาร์

Sherif Marakby ซีอีโอของ Ford AV เป็นลูกหม้อของ Ford มายาวนาน ทำงานกับบริษัทตั้งแต่ปี 1990 และเคยคุมแผนก Autonomous Vehicles and Electrification ก่อนที่เขาจะลาออกไปอยู่กับ Uber ในปี 2016 และถูกดึงตัวกลับมาเป็นซีอีโอของบริษัทลูก Ford AV ที่มีภารกิจลุยรถยนต์ไร้คนขับเต็มตัว

Sherif Marakby
Sherif Marakby (ภาพจาก Ford)

ลงทุนในบริษัท AI ทำระบบช่วยขับขี่ ไม่กลัวคู่แข่งอย่าง Waymo

Marakby ให้สัมภาษณ์กับรายการ Vergecast ของเว็บไซต์ The Verge ถึงมุมมองของ Ford ต่ออนาคตของวงการรถยนต์ไร้คนขับว่า เคล็ดลับสำคัญคือการผสานระหว่างวัฒนธรรมแบบซิลิคอนวัลเลย์ ที่เน้นการทำงานรวดเร็ว เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กับวัฒนธรรมการทำงานของอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่เน้นความปลอดภัยสูงสุด ให้ลงตัวระหว่างทั้งสองฝั่ง

ปัจจุบัน Ford เข้าไปลงทุนและถือหุ้นใหญ่ในสตาร์ตอัพชื่อ Argo.ai ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพที่ก่อตั้งโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไร้คนขับ และให้ Argo.ai รับหน้าที่พัฒนาส่วนของซอฟต์แวร์ อย่างไรก็ตาม Ford ระบุว่าเปิดกว้างต่อการให้บริษัทรถยนต์รายอื่นเข้ามาลงทุนใน Argo ด้วยเช่นกัน

เขาตอบคำถามเรื่องการแข่งขันกับ Waymo ที่เตรียมเปิดบริการรถยนต์ไร้คนขับเชิงพาณิชย์ในช่วงสิ้นปี 2018 หรือ GM/Cruise ที่ตั้งเป้าลงตลาดในปี 2019 ว่า เขาไม่คิดว่าตลาดนี้เป็นของผู้ชนะรายเดียว (winner-take-all) แต่ผู้ที่ประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ที่สำคัญเข้าด้วยกันได้สำเร็จ จะอยู่ได้ในตลาดนี้

เขาบอกว่าไม่กลัวคู่แข่งแบบ Tesla หรือรถยนต์บางรุ่นของ GM ที่มีระบบ AI ช่วยขับขี่ เพราะ Ford ก็มีเหมือนกัน ฟีเจอร์เหล่านี้เป็นระบบขับขี่อัตโนมัติที่ระดับ 2 (Level 2) ซึ่งยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมรถยนต์ตลอดเวลา ในขณะที่ Ford สนใจระบบขับขี่ที่ระดับ 4 หรือ 5 ที่เอามนุษย์ออกไปอย่างสิ้นเชิง และพัฒนายากกว่ากันมาก

รถยนต์ไร้คนขับของ Argo AI (แน่นอนว่าใช้รถของ Ford)

ตั้งเป้าปี 2021 เปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับลงถนนจริง

เป้าหมายของ Ford ที่เคยประกาศไว้คือ พัฒนารถยนต์ไร้คนขับให้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2021 ซึ่งตอนนี้บริษัทก็สร้างรถยนต์ทดสอบรุ่นที่สามอยู่ ซึ่งจะเป็นรถยนต์รุ่นที่นำมาใช้จริงๆ ในปี 2021 ส่วนรถยนต์ทดสอบรุ่นที่สองได้นำมาวิ่งทดสอบบนถนนจริงมาได้สักพักแล้ว

อย่างไรก็ตาม Marakby แสดงความเห็นว่า การวิ่งทดสอบบนถนนจริงเป็นจำนวนไมล์เยอะๆ แบบที่ Waymo หรือ GM กำลังแข่งกันในตอนนี้ จำนวนไมล์หรือระยะทางไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือการทดสอบกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้หลากหลายมากพอ แทนการโฟกัสแค่จำนวนไมล์เพียงอย่างเดียว

เขายังบอกว่าการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ไม่ได้มีแค่เรื่องเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ที่อยู่ร่วมถนนเดียวกันด้วย เช่น ปัจจุบันเราสามารถดูสีหน้าหรือท่าทางของคนขับรถ (ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหรืออยู่ด้านข้าง) เพื่อคาดเดาว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป สามารถสบตาหรือโบกมือกันเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างได้ แต่หากรถยนต์ไม่มีคนขับ แล้วยังต้องอยู่ร่วมถนนกับรถยนต์ที่มีคนขับ หรือคนข้ามถนน จะมีวิธีการสื่อสารกันอย่างไร ซึ่ง Ford ก็ทดลองแนวทางต่างๆ เช่น มีไฟสัญญาณเพิ่มเข้ามาเพื่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมทาง

เรื่อง “ความเชื่อมั่น” (trust) ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อทั้งผู้โดยสารและผู้ที่เดินทางอยู่รายรอบ เทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้อาจรู้สึกแปลกแยก คำถามคือทำอย่างไรที่ทำให้รถยนต์ไร้คนขับดูเป็นมิตรมากขึ้น ผู้โดยสารมั่นใจที่จะก้าวขึ้นมานั่งบนรถยนต์ที่ไม่มีคนแล้วขับเคลื่อนออกไปเอง

พลิกโมเดลอุตสาหกรรม จากขายรถ เป็นขายบริการขนส่ง

Marakby บอกว่าในโลกของรถยนต์ไร้คนขับ คนอาจไม่จำเป็นต้องซื้อรถยนต์เพื่อครอบครองอีกต่อไป แต่รถยนต์จะกลายเป็น “บริการ” ให้เช่าใช้งานแทน (ลักษณะเดียวกับบริการเรียกรถยนต์แบบ Uber) ซึ่งจะมีทั้งการรับส่งคน และรับส่งสินค้า มุมมองของ Ford เรียกมันว่า “Transportation as a Service”

เขาบอกว่าในช่วงแรกๆ Ford จะให้บริการรถยนต์รับส่งคนและสินค้าในพื้นที่จำกัด เช่น เขตเมืองของบางเมืองในสหรัฐ ส่วนในอีก 3 ปีจากนี้ (ปี 2021 ตามเป้าหมาย) Ford จะยังไม่ขายรถยนต์ไร้คนขับให้กับลูกค้ารายย่อยโดยตรง เพราะมีความซับซ้อนสูงกว่าการให้บริการที่บริษัทควบคุมทุกอย่างได้

ส่วนการขนส่งสินค้า ตอนนี้ Ford เป็นพาร์ทเนอร์กับสตาร์ตอัพส่งสินค้าชื่อ Postmates ในสหรัฐอเมริกา และห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่อย่าง Walmart เพื่อทดลองใช้รถยนต์ไร้คนขับช่วยส่งสินค้า สิ่งที่ Ford พบคือการขนส่งคนและส่งสินค้าลักษณะนี้ จำเป็นต้องใช้รถยต์ที่หลังคาสูง ขนของได้เยอะ และเข้าออกได้สะดวก

นอกจากนี้ การที่รถยนต์ไร้คนขับต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา 24/7 ต่างจากรถยนต์นั่งในปัจจุบันที่มีช่วงเวลาจอดอยู่เฉยๆ ทำให้รถยนต์ในยุคหน้าต้องพัฒนาเรื่องความคงทน (durability) มากกว่าเดิมอีกหลายเท่า

เป้าหมายระยะยาวของ Ford คือเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรต่างๆ โดย Ford จะทำหน้าที่ให้บริการเรื่องการขนส่ง ตอบโจทย์เรื่องเทคโนโลยีให้กับองค์กรที่มีขนาดเล็กกว่า และใช้วิธีแบ่งรายได้ (revenue sharing) ระหว่างกัน

ตัวอย่างการทดสอบรถยนต์ของ Ford ขนส่งสินค้าในเมือง Miami

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา