ด้วยตลาดรถจักรยานยนต์ที่แข่งขันกันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในมุมของการตลาด ทำให้หลากหลายแบรนด์เริ่มทุ่มกับเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Yamaha ที่ปฏิวัติเรื่องนี้ใหม่ทั้งหมด ผ่านการใช้แนวคิดหลักปรัญชา Kando แบบญี่ปุ่น
Kando และหัวใจด้านการตลาดของ Yamaha
Kando (คันโด) คือพันธกิจหลักขององค์กร Yamaha มานานแล้ว โดยความหมายของคำนี้ก็คือการสร้างความพึงพอใจที่เหนือกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้ เช่นหากเข้ามาซื้อรถจักรยานยนต์ในร้าน ลูกค้าจะไม่ได้แค่รถจักรยานยนต์กลับไป แต่ต้องได้ความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันนี้ ซึ่งคำนี้ก็ก็ช่วยให้ Yamaha เติบโตอย่างยั่งยืน
แต่ในช่วง 2-3 ปีก่อนด้วยทิศทางการตลาดนั้นเริ่มเปลี่ยนไป แบรนด์ต่างๆ ต้องสร้างจุดยืนเดียวกันในทุกพื้นที่ ทำให้ Yamaha ตัดสินใจสร้าง Global Slogan ภายใต้วลี Revs Your Heart หรือ “เร่งชีวิตให้เร้าใจ” เพื่อให้ทุกภูมิภาคมีการสื่อสารกิจกรรมทางการตลาดเดียวกัน และวลีดังกล่าวก็ถูกใช้ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
สรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า เพื่อการสื่อสารแบรนด์ออกไปได้ดียิ่งกว่าเดิม ทางบริษัทจึงสร้าง 5 วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่าแล้วออกมา และกลายเป็นค่านิยมพื้นฐานเพื่อส่งต่อไปยัง Global Slogan และพันธกิจข้างต้น
เราต้องทำให้ลูกค้าให้รู้สึกเร้าใจตลอดเวลา
สำหรับ 5 วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า นั้นประกอบด้วย
- Innovation หรือการริเริ่ม ที่สื่อถึงการมีนวัตกรรมตลอดเวลา
- Excitement หรือความสนุกสนาน ที่สื่อถึงความสนุกที่ได้ทำด้วยกัน ซึ่งเป็นจุดเด่นตั้งแต่เริ่มของแบรนด์
- Confidence หรือความมั่นใจ ที่สื่อถึงความไว้วางใจของแบรนด์ ความเร้าใจที่มีประสิทธิภาพต้องมีความเชื่อมั่นใจตัวสินค้าเป็นส่วนประกอบสำคัญ
- Emotion หรือความดึงดูดใจ ที่สื่อถึงการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ใช้งาน
- Ties หรือความผูกพัน เรามุ่งมั่นที่จะมอบคุณค่าที่เหนือความคาดหมาย ในทุกระสบการณ์ของ ยามาฮ่ากับลูกค้า เพื่อสร้างความผูกพันอันดีกับลูกค้าตราบนานเท่านาน
“นอกจาก Yamaha จะยึดพันธกิจ, Global Slogan และ 5 วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่าแล้ว ในประเทศไทยเรายังพยายามทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายรถจักรยานยนต์นั้นเร้าใจตลอดเวลา และรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันตั้งแต่ตัวแทนจำหน่าย จนถึงลูกค้าที่เข้ามาซื้อรถจักรยานยนต์กับเรา” สรวงสุดา เสริม
ประกอบกับแผนในการทำตลาดในปี 2562 ของ Yamaha นั้นมีการทำ Segmentation ที่ชัดเจน เพื่อตอบสนองทุกกลุ่มเป้าหมาย ยิ่งการแข่งขันในตลาดรถจักรยานยนต์นั้นเน้นหนักที่การตลาดของ แต่ละแบรนด์ในการเข้าถึงหัวใจของลูกค้า
ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีค่อนข้างใกล้เคียงกัน ประกอบกับเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ทำให้ Yamaha ยิ่งต้องสื่อให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การตลาดแบบ 360 องศา เพื่อเข้าถึงใจทุกคน
“ยอมรับว่าตลาดรถจักรยานยนต์เพื่อใช้งานจริงๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Moped นั้นยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่กลุ่มสินค้า Automatic, Sport และ Big Bike นั้นไปได้ดี ดังนั้นเราจึงต้องทำตลาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้าง Ties หรือความผูกพ้นให้กับทุกคนมีความอยากจะเข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกับเรา”
ทั้งนี้การสื่อสารภาพลักษณ์ของแบรนด์ Yamaha นั้นจะใช้แผนการตลาดแบบ 360 องศา หรือการใช้ทุกเครื่องมือ ทุกช่องทางที่มี เพื่อสื่อสารข้อมูลออกไปให้ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ การทำตลาดของรุ่น Grand Filano Hybrid เพราะรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ขายได้ดีอยู่แล้ว แต่มันก็มีวิธีที่ทำให้ขายได้ดียิ่งขึ้นได้
“360 องศาแบบ Grand Filano Hybrid ก็คือการสื่อสารด้วย Emotional ผ่านการนำเสนอทาง Off Line เรื่องรถสวยขี่แล้ว Hi-Class เหมือนเดิม แต่เพิ่มเทคโนโลยี Hybrid เข้าไป ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ Yamaha ใช้ช่องทาง Online เพื่อเป็นช่องทางในการให้ข้อมูลเชิงลึก ให้ลูกค้าเข้าใจว่ามันช่วยอะไรบ้าง พร้อมกับจัด Event ทั่วประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์พวกเขาได้ลองมาขี่ มาเห็นรถตัวจริงๆ”
Hybrid กับอนาคตที่ต้องพัฒนากันต่อให้ได้
ต่อเนื่องจากการทำตลาด Grand Filano Hybrid ที่คิดใหม่ในการออกแบบรถจักรยานยนต์ด้วยการนำกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ปกติมาช่วยเรื่องกำลังส่งในการออกตัวให้ดีขึ้น ในอนาคต Yamaha เองก็พัฒนาเรื่องรถจักรยานยนต์ Hybrid ตลอดเวลา เพื่อรับกับกระแสยานพาหนะไฟฟ้าที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง
“โลกต้องหมุนไป แต่ด้วยแบตเตอรี่บางประเภทที่ยังราคาค่อนข้างสูง ทำให้ Yamaha ตัดสินใจพัฒนาให้รถจักรยานยนต์สามารถใช้แบตเตอรี่ติดรถมาช่วยในการขับเคลื่อนได้ พอมันมีสองแรง หรือไฮบริด ก็ช่วยให้ขับสบายขึ้น แถมการบำรุงรักษาก็ไม่ยาก Grand Filano Hybrid จึงออกมาเป็นผลงานที่ยามาฮ่าภูมิใจ”
เมื่อตลาดรถยนต์เป็นผู้นำ และตลาดรถจักรยานยนต์เป็นผู้ตาม การนำระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจึงจะมาในรถจักรยานยนต์แน่นอน แต่ถ้าจะให้ถูกใช้งานในหมู่มากจริงๆ ต้นทุนเรื่องแบตเตอรี่ต้องลดลงมา รวมถึงการบำรุงรักษาต้องง่าย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานรถจักรยานยนต์ที่มีไว้เพื่อใช้เดินทางในชีวิตประจำวันจริงๆ
สรุป
Yamaha เป็นหนึ่งในแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีประสบการณ์และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ มาอย่างยาวนาน และไม่ได้ทำแค่นั้น เพราะมีทั้งเครื่องยนต์สำหรับเรือ, เฮลิคอปเตอร์บังคับสำหรับเกษตรกรรม รวมถึงสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิก
แสดงให้เห็นถึงความหลงไหลในการเป็นแบรนด์ที่สร้างความเร้าใจให้กับทุกคนตลอดเวลา และการสร้างแบรนด์หลังจากนี้ก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วยพันธกิจขององค์กรที่ยึดมั่นในปรัชญา Kando เพื่อนำเสนอคุณค่าอันแสนพิเศษ และส่งต่อสุดยอดประสบการณ์เพื่อเติมเต็มความสุขในชีวิตของลูกค้ายามาฮ่าทุกคน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา