รู้จัก Carlos Ghosn ชายผู้แยกประเภทรถยนต์จากเสียงแตรได้ตอน 5 ขวบ กับจุดจบแค่ไอ้วายร้าย

จากข่าวที่ Carlos Ghosn ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi ถูกจับเพราะยักยอกเงินของบริษัทไปใช้ส่วนตัว วันนี้ Brand Inside จะพามารู้จักชีวิต กับวิธีคิดของอดีต Hero คนนี้กัน

Carlos Ghosn ประธานใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi

อยู่กับครอบครัวเลบานอน แต่เกิดที่บราซิล

ชีวิตของ Carlos Ghosn นั้นเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2497 หลังครอบครัวชาวเลบานอนได้ให้กำเนิดชายผู้นี้ในประเทศบราซิล โดยในช่วงเด็กนั้นเขาก็ใช้ชีวิตที่นั่นอยู่ระยะหนึ่ง แถมตอนอายุ 5 ขวบเขายังสามารถแยกประเภทรถยนต์ได้จากการฟังแค่เสียงแตรรถเท่านั้นก็รู้ว่าเป็นรถอะไร เรียกว่าเกิดมาเพื่ออยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ก็ว่าได้

แต่พออายุ 6 ขวบเขาก็ย้ายกลับไปอยู่ที่เลบานอนกับครอบครัว พร้อมเรียนจนถึงชั้นมัธยมที่นั่น ก่อนที่จะย้ายที่อยู่ไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่ง Carlos Ghosn ก็ได้ปริญญามาสองใบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่นั่นด้วย หนึ่งในนั้นคือ Polytechnique ที่สอนเกี่ยวกับวิศวกรรม

Michelin // ภาพจาก Flickr ของ Michelin LIVE UK

เมื่อเก่งขนาดนี้ก็ไม่แปลกที่ Carlos Ghosn จะถูกจ้างจากบริษัทในฝรั่งเศส และธุรกิจยานยนต์ที่จ้างเขาเป็นที่แรกก็คือ Michelin ยักษ์ใหญ่ในโลกยางสำหรับรถยนต์ และทำงานไประยะหนึ่งก็ได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดเคยขึ้นเป็นผู้ดูแลตลาดในพื้นที่อเมริกาเหนือได้เลย

ชีวิตใน Renault กับหลักไมล์สำคัญของชีวิต

ขณะนั้น Carlos Ghosn ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในโลกยานยนต์แล้ว และในปี 2539 บริษัทที่ดึงเขาไปหลังจาก Michelin ก็คือ Renault แบรนด์รถยนต์จากฝรั่งเศส ประเทศที่เขาคุ้นเคย และใช้ชีวิตนานถึงขั้นมีพาสปอร์ตด้วย โดยตำแหน่งที่เข้าไปนั้นก็ได้ทำงานใกล้ชิดกับ Louis Schweitzer ประธานเจ้าหน้าที่บริหารขณะนั้น

Renault // ภาพจาก Shutterstock

ซึ่งที่นั่นเองทำให้ Carlos Ghosn ได้ฉายา Le Cost Killer หรือผู้ควบคุมต้นทุนต่างๆ เพราะเขาช่วย Renault ในขณะนั้นที่กำลังขาดทุนอย่างหนักกลับมากำไรเพียงไม่กี่ปีที่เขาเข้ามาร่วมงานด้วย เมื่อผลงานโดดเด่นขนาดนี้ 3 ปีหลังจากร่วมงานกับบริษัทใหม่ เขาก็ถูกให้ไปเป็นเสาหลักของ Nissan ที่เพิ่งถูก Renault ควบรวมกิจการมา

พร้อมกับเป้าหมายที่ท้าทายอย่างการทำให้ Nissan ที่ประสบภาวะขาดทุนมาระยะหนึ่งแล้วให้กำไรได้ภายใน 2 ปี ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เขาทำมันได้ภายใน 1 ปี และทำให้หนึ่งในบริษัทรถยนต์ที่คนญี่ปุ่นภูมิใจเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง จึงไม่แปลกที่คนญี่ปุ่นจะเชิดชูเขาเป็น Hero ถึงขั้นวาดหนังสือการ์ตูนให้กับ Carlos Ghosn ด้วย

มันไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าเขาจะเก่งขนาดนี้

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ช่วงทำงานแรกๆ ถึงปัจจุบัน Carlos Ghosn ก็ยังมีพฤติกรรมการทำงานเหมือนเดิมตลอด นั่นคือมาถึงที่ทำงานตั้งแต่เช้า และหมกหมุ่นกับมันจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน โดยนอนเพียงวันละ 6 ชม. ซึ่งถือว่าหนักมากเมื่อเทียบกับผู้บริหารค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น

ในทางกลับกันเขาก็ให้เวลากับครอบครัวในช่วงสุดสัปดาห์ตลอด ผ่านการอยู่กับภรรยา และลูกอีก 4 คน เพราะเชื่อว่าการทำแบบนี้จะทำให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่ ก่อนมาทำงานในวันจันทร์ด้วยพลังเต็มเปี่ยม และคิดไอเดียใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ Carlos Ghosn ยังฝึกภาษาญี่ปุ่นตลอดเวลา แม้ตัวเองจะพูดได้หลากหลายภาษาแล้วก็ตาม

Nissan Leaf

ทั้งนี้การที่เขาขยันเต็มที่ พร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่ตลอด ทำให้หลังเขาพลิกฟื้นธุรกิจทั้ง Renault และ Nissan ให้กลับมากำไร ก็เดินหน้าแผนใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และการใช้งานในเชิงพาณิชย์ในอนาคต ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกๆ ที่ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

จาก Hero กลายเป็นวายร้ายในสายตาทุกคน

แม้จะต้องดูแลพนักงานกว่า 4.7 แสนคนของทั้งกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi กับอีก 122 โรงงานทั่วโลก แถมต้องสร้างยอดขายให้ได้กว่า 10.6 ล้านคันเมื่อปลายปีก่อน จนทางกลุ่มขึ้นเป็นเบอร์ 2 ในแง่จำนวนยอดขาย โดยตามหลังแค่กลุ่ม Volksawgen และเหนือกว่ากลุ่ม Toyota

Carlos Ghosn ภาพจาก Nissan

แต่ด้วยข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับการยื่นทรัพย์สิน และรายได้ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi โดย Carlos Ghosn นั้นถูกเจ้าหน้าที่จากตลาดหลักทรัพย์ตรวจสอบว่าไม่เป็นความจริง ประกอบกับทางคณะกรรมการบริษัทเองก็เฝ้าจับตาเรื่องนี้มานานหลายเดือนแล้วด้วย

ทำให้จากอดีต Hero ของทุกคน กลายเป็นไอ้วายร้ายที่แอบซ่อนความไม่ดีเอาไว้ จนล่าสุดหลัง Carlos Ghosn ถูกจับกุม หุ้นของ Nissan ก็ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นอีกกรณีศึกษาที่ดีของการบริหารงานหลังวิกฤติที่แบรนด์ถูกมองว่าแย่ หลังผู้บริหารทำตัวทุจริต

สรุป

ชีวิตของ Carlos Ghosn นั้นผ่านอะไรมามากมาย แต่ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่เขาต้องเข้ามาทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ ก็เพราะความขยัน และ Passion ตั้งแต่เด็ก หากความขยันนี้ไม่ได้มาพร้อมกับความรู้สึกอยากทุจริต ชีวิตหลังจากนี้ของเขาก็คงไม่ได้จบลงแบบนี้

อ้างอิง // Japan Today

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา