Brand Inside รวบรวมมุมมองจากสถาบันการเงินเกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ จากสถาบันการเงินชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็น Goldman Sachs รวมไปถึง Citi และมุมมองของสถาบันการเงินในไทยอย่าง บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง และรวมไปถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา
อีกไม่กี่อึดใจการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกาก็จะเกิดขึ้น โดยการเลือกตั้งจะจัดในวันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน โดยในการชิงคะแนนเสียงครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของทั้ง 2 พรรคไม่ว่าจะเป็น พรรครีพับลิกัน รวมไปถึง พรรคเดโมแครต แต่ละฝ่ายพยายามที่จะชิงเสียงไม่ว่าจะเป็นเสียงของสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึง วุฒิสภา เป็นการวัดใจของประธานาธิบดีว่าจะมีความนิยมมากแค่ไหน หลังการทำงานผ่านมา 2 ปี และแน่นอนว่าเรื่องนี้กระทบกับการลงทุนไม่น้อย
สำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมนี้จะมีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร 435 ที่นั่ง วุฒิสภา อีก 33 ที่นั่ง
ความน่าสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้
ปีนี้ความเข้มข้นของการเลือกตั้งจากฝ่ายเดโมแครตถือว่าสูงมาก เพราะว่าการพ่ายแพ้จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ถือว่าผิดแผนไปอย่างที่คิดมหาศาล ทำให้เกิดผู้สมัครวัยหนุ่มสาวมากขึ้นจากเดโมแครตที่เน้นนโยบายไปทาง Socialist มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม Brand New Congress ที่ไม่เชื่อในนโยบายการหาเสียงของพรรคในรูปแบบเดิมๆ และพยายามในการผลักดันคนรุ่นใหม่เข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งหลายๆ คนที่ลงสมัครนั้นยังมีอายุน้อยกว่า 30 ปี แถมยังได้รับชัยชนะจากไพมารี่โหวตอีกด้วย นโยบายที่ผลักดันหลายๆ เรื่องคือไม่ว่าจะเป็น สนับสนุนนโยบายผู้อพยพให้สามารถมีสัญชาติอเมริกันได้ การประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยรัฐ และรวมไปถึง ยกเลิกหนี้การศึกษา
ขณะที่ฝั่งรีพับลิกันของทรัมป์ก็พยายามผลักดันนโยบายการปฏิรูปภาษี รวมไปถึงการที่จะยกเลิกไม่ให้ผู้อพยพสามารถขอสัญชาติอเมริกันได้ เนื่องจากจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอาจล่มสลายเพราะผู้อพยพ
Goldman Sachs มองว่าสภาพตลาดไม่เหมือนเดิม
Ben Snider นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs มองว่าดัชนี S&P 500 ของสหรัฐในปีนี้ไม่เหมือนกับช่วงสมัยที่มีการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐเนื่องจากปัจจุบันมีแรงกดดันจากเรื่องของสงครามการค้า ความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมไปถึงนโยบายทางการเงิน
ฉะนั้นแล้วเขาจึงมองว่าถ้าหากจะเก็งกำไรในเรื่องการเลือกตั้งกลางเทอมนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่าสักเท่าไหร่ โดยปัจจับสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดในช่วงนี้คือนโยบายทางการเงินมากกว่า และนอกจากนี้การที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังได้สัมภาษณ์ Steve Elmendorf ซึ่งอดีตเขาเคยเป็นทีมงานของวุฒิสมาชิก Richard Gephardt ซึ่งเขามีมุมมองว่าพรรคเดโมแครตมีกลยุทธ์ที่แยกออกไปในแต่ละเขต โดยเขาแนะนำให้จับตาพื้นที่เลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรอย่างเช่นบางรัฐที่เดโมแครตเคยแพ้แต่นำผู้สมัครที่น่าสนใจอย่างเช่น ในเมือง Dallas มีอดีตผู้เล่น NFL อย่าง Colin Allred มาลงสมัครและระดมทุนได้เงินมหาศาล เขาเชื่อว่าจะสามารถชนะได้
ถึงแม้ว่าผลสำรวจล่าสุดจะมองว่าพรรคเดโมแครตมีคะแนนสำรวจนำพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ดี Steve มองว่าโอกาสที่เดโมแครตจะชนะแน่นอนไม่แน่เสมอไป เขาได้ยกตัวอย่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 ที่ผ่านมาว่าผลสำรวจตอนแรกเดโมแครตมีคะแนนนำ แต่เวลานับคะแนนจริงๆ กลับกลายเป็นว่าทรัมป์ชนะ ซึ่งงานนี้เขามองว่าไม่ง่ายเลย
ส่วนเรื่องความกังวลว่าเดโมแครตจะแก้ไขข้อกฏหมายเรื่องของภาษี Steve มองว่าคงเป็นเรื่องยาก ตราบใดที่ทรัมป์ยังเป็นประธานาธิบดีและรีพับลิกันยังครองเสียงวุฒิสมาชิก
Citi มองราคาทองไม่ผันผวน
Citi มองว่า เดโมแครตจะชนะสภาผู้แทนราษฎรส่วนทางด้านรีพับลิกันจะชนะวุฒิสภา มากที่สุด สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือสภาผู้แทนราษฎรฝั่งเดโมแครต มีแววที่จะต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ความเสี่ยงอีกเรื่องที่ Citi มองคือมีโอกาสที่เดโมแครตอาจยื่นถอดถอนประธานาธิบดี หรือที่เรียกว่า Impeachment ได้ด้วย และรวมไปถึงไม่ให้เพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงกับเศรษฐกิจสหรัฐได้ แต่คาดว่าทั้ง 2 เรื่องมีโอกาสต่ำมาก
สำหรับค่าเงินในกลุ่ม Emerging Markets ที่รวมประเทศไทยนั้น Citi มองว่าจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่อย่างไรก็ดีค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงจะเป็นตัวรองรับผลกระทบในเรื่องนี้
ด้านราคาทองคำ Citi มองว่าราคาทองคำรวมไปถึงสินทรัพย์โภคภัณฑ์ไม่น่าจะมีความผันผวนในช่วงการเลือกตั้งกลางเทอม ยกเว้นแต่ว่าพรรคเดโมแครตครองเสียทั้ง 2 สภาเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ราคาโลหะรวมไปถึงทองคำมีราคาสูงขึ้น 3-5%
บัวหลวงและกรุงศรีมอง EM ได้ประโยชน์
สำหรับมุมมองของบล.ในไทยอย่าง บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง มีมุมมองว่า เดโมแครตจะชนะสภาผู้แทนราษฎร ส่วนทางด้านรีพับลิกันจะชนะวุฒิสภา มีโอกาสมากที่สุด มากถึง 59% และจะทำให้ตลาดหุ้นในกลุ่ม Emerging Markets ได้ผลดีจากเรื่องนี้ รวมไปถึงหุ้นไทยด้วย เพราะนโยบายต่างๆ ที่ชะลอตัวลงจากเรื่องสงครามการค้า จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นใน Emerging Markets ได้ประโยชน์
ทางด้านของ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่า เหตุการณ์สำคัญจะอยู่ที่ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยในปัจจุบันพรรครีพับลิกันครองเสียงทั้งในสภาสูงและสภาล่าง แต่คาดว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
โดยกรณีที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ พรรคเดโมแครตจะกลับมาครองเสียงในสภาผู้แทนราษฎรแต่วุฒิสภาจะยังคงเป็นของรีพับลิกัน ถ้าหากเกิดสถานการณ์นี้ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนลงเล็กน้อยและเป็นบวกต่อกระแสเงินทุนไหลเข้า Emerging Markets อย่างไรก็ดี ผลกระทบอาจจำกัดเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้
ที่มา – บทวิเคราะห์จาก Goldman Sachs, Citi, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, หลักทรัพย์บัวหลวง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา