เด็กจบใหม่มาใครๆ ก็อยากเข้าองค์กรใหญ่ เพราะความมั่นคง, ความมีชื่อเสียง และทางครอบครัวก็ภูมิใจ สามารถไปบอกเพื่อนบ้านได้ว่า “ลูกชั้นทำงานอยู่ที่ … นะ” แต่กว่าจะก้าวเท้าเข้าองค์กรใหญ่ได้ ต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง Brand Inside ได้คุยกับ Honda และ Nestle’ เพื่อฉายภาพให้เห็นการรับงานของเด็กจบใหม่ หรือกลุ่ม Millennial ในองค์กรขนาดใหญ่
เตรียมตัวให้ดี เพราะ Nestle’ เปิดรับกลุ่ม Millennial แล้ว
ระพีวรรณ ยั่งยืน Corporate Organization Development & Learning Manager บริษัท เนสเล่ (ไทย) จำกัด บอกว่า ก่อนหน้านี้ใครจะมาทำงานกับ Nestle’ ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 – 6 ปี หรือต้องมีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปนั่นเอง แต่ตอนนี้ทาง Nestle’ ได้เปิดรับบุคลากรที่ไม่ต้องมีประสบการณ์การทำงาน หรือมีเพียง 1 – 2 ปีก็เข้ามาทำงานกับบริษัทได้ ซึ่งก็คือกลุ่มคน Millennial เพราะต้องการยกระดับองค์กรให้ก้าวทันโลกใหม่ที่กำลังจะถูกขับเคลื่อนด้วยคนกลุ่มนี้
“ปกติถึงเก่ง แต่ระดับยังไม่ถึง Mid Career เราก็ไม่ได้รับเข้าทำงาน แต่ตอนนี้เราเริ่มมองไปที่กลุ่ม Millennial มากขึ้น โดยมีการเข้าไปตาม Campus ต่างๆ เพื่อบอกสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเรา และถ้าอยากมาร่วมงานกับเราต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง ซึ่งปีนี้ Nestle’ คิดว่า 60% ของพนักงานที่รับเข้ามาใหม่ในปีนี้จะมีอายุต่ำกว่า 30 ปี”
ถึงจะมีส่วนดี แต่ก็เป็น Challenge ขององค์กร
อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่ม Millennial เข้ามามีบทบาทในองค์กรมากขึ้น ถึงจะช่วยสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับองค์กร แต่ก็เป็นอีกความท้าทายสำคัญเช่นกัน เพราะกลุ่ม Baby Boomer และ Generation X ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าของ Millennial จะไม่เข้าใจพฤติกรรมของลูกน้อง ทำให้ Nestle’ ต้องเข้าไปสื่อสารกับกลุ่มหัวหน้า ใหม่ทั้งหมด เพื่อปรับกระบวนความคิดใหม่ และป้องกันการเปลี่ยนงานบ่อยของกลุ่ม Millennial
ขณะเดียวกัน เมื่อสอบถามกลุ่ม Millennial ว่า ทำไมถึงเลือกเข้ามาทำงานกับ Nestle’ ส่วนใหญ่ตอบว่า อยากทำงานกับขนม หรืออาหารที่ตัวเองกินมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เกิดความผูกพัน และต้องการมีส่วนในการสร้างแบรนด์นี้ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก เช่นขนม Kitkat และนมตราหมี ดังนั้นเมื่อมีกลุ่มเด็กเหล่านี้เกิดขึ้นทุกวัน ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ที่ Nestle’ ต้องรับคนกลุ่มนี้เข้ามาร่วมพัฒนาสินค้า
Millennial ช่วยยกระดับ Honda สู่สากลเร็วขึ้น
รัชอร บุญรัตนกรกิจ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล และอุตสาหกรรมสัมพันธ์ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด เล่าว่า ตอนนี้บริษัทเปิดตลาดไปสู่ Asia และ Oceania ดังนั้นการดึงทรัพยากรณ์กลุ่มใหม่เข้ามาเป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนธุรกิจจึงจำเป็น แต่ด้วยการเข้าสู่ตลาดโลกอย่างเต็มต้ว ทำให้ไม่ใช่แค่ Millennial คนไทย แต่จะมีชาติอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับครั้งนี้ด้วย
“ไม่ใช่แค่ Millennial ไทย แต่ชาติอื่นๆ Honda ก็กำลังมองหา เช่นเวียดนาม แต่ไม่ว่าจะประเทศไหน พฤติกรรมกลุ่ม Millenial ก็เหมือนกันคือ Work กับ Life ต้อง Balance ดังนั้น Honda จึงพัฒนาระบบ Flexible Working Time ขึ้นมา และใช้มานานกว่า 6 ปีแล้ว นอกจากนี้เรายังเปิดโอกาสให้ Millenial หมุนไปทำงานยังสำนักงานที่ต่างๆ เพื่อหาประสบการณ์ และสร้างความท้าทายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องด้วย”
สรุป
Millennial คือกลุ่มคนที่ทุกๆ บริษัทต้องการรับเข้ามาในตอนนี้ เพราะฟันเฟืองสำคัญในการช่วยดำเนินธุรกิจในยุคใหม่ แต่ความท้ายทายของตอนนี้คือ จะทำให้หัวหน้าที่เป็น Baby Boommer และ Generation X เข้าใจเด็กยุคใหม่ได้อย่างไร แต่สุดท้ายแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ก็ต้องปรับตัว ไม่ใช่ยังยืนอยู่จุดเดิม เพราะหากไม่ปรับ การจะไปสู้กับองค์กรอื่นๆ ก็ยาก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา