Mercedes-Benz เร่งยอดขายกลุ่ม Millennial ส่ง C-Class ใหม่ ชูราคาเริ่ม 2.349 ล้านบาท

ตลาดรถหรูยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งในเรื่องรูปแบบการทำตลาด และการทำราคา แต่เพื่อการไม่ไปแข่งจนรีดเลือดตัวเอง Mercedes-Benz จึงตัดสินใจส่ง C-Class ใหม่ พร้อมกับเน้นเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มที่เด็กขึ้น

C-Class รุ่น C220d ใหม่

ขยาย Position ของรุ่น C-Class

ในอดีต C-Class ถือเป็นรถยนต์ของผู้บริหารระดับเริ่มต้น นั่นทำให้ภาพลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้จึงถูกใจกับคนวัย 30-40 ปีที่มีกำลังซื้อรถหรู และอยากจะหามาใช้ที่บ้านสักคัน แต่หากยังจับกลุ่มนี้ต่อไปก็เท่ากับไม่เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ตัวเอง ดังนั้นการทำตลาด C-Class หลังจากนี้ ค่ายดาวสามแฉกจะเน้นทำตลาดที่กลุ่ม Millennail มากขึ้น

ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า C-Class เป็นรุ่นรถยนต์ที่สำคัญต่อยอดขายในไทย เพราะคิดเป็นราว 20-25% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ทุกรุ่นในแต่ละปี ทำให้บริษัทต้องหาช่องทางใหม่ๆ ในการเปิดตลาดให้กว้างขึ้นกว่าเดิม

ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

“หลังจากนี้ไปการทำตลาด C-Class จะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ผ่านการติดตั้งเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับ Smartphone ในการควบคุมความบันเทิงในรถยนต์ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องความปลอดภัยที่บางเทคโนโลยีก็เหมือนกับที่ติดตั้งใน E กับ S-Class ที่เป็นรุ่นสูงกว่ามาแล้ว”

หวังเติบโตตามตลาดรถยนต์หรูที่ช่วงนี้อาจจะซบเซา

สำหรับ C-Class ใหม่ที่จะจำหน่ายในประเทศไทยหลังจากนี้จะเป็นรถยนต์ประกอบในไทย และเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2,000 ซีซี ทั้งหมด มี 3 รุ่นย่อยให้เลือกคือ C 220 d Avantgarde, Exclusive และ AMG Dynamic ราคาเริ่มที่ 2.349-2.890 ล้านบาท พร้อมส่งมอบในทันที

C-Class

“เราคาดหวังว่าทั้งแผนทำตลาด และการติดตั้งเทคโนโลยี รวมถึงบริการหลังการขายที่ดี น่าจะทำให้ยอดขาย C-Class ยังเติบโตจนคิดเป็นสัดส่วนสำคัญของบริษัทเหมือนเดิม เพราะนอกจากจะเจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปแล้ว บริษัทยังมีการทำตลาดกับกลุ่มองค์กรที่ต้องการรถยนต์ระดับผู้บริหาร และ Taxi VIP อีกด้วย”

ขณะเดียวกัน C-Class ยังเป็นส่วนสำคัญทำให้บริษัทสามารถเติบโตไปตามตลาดรถยนต์หรูได้ โดยคาดว่าปีนี้ตลาดรถยนต์หรูน่าจะเติบโตราว 10% หลังครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 12-13% แต่ในไตรมาส 3 ตัวตลาดมีการชะลอตัวเล็กน้อย ส่วน Mercedes-Benz ประเทศไทยก็คาดหวังการเติบโตได้ในทิศทางเดียวกับตลาดในเบื้องต้น

ภายใน C-Class

ไม่กังวลเรื่องการแข่งขันในแง่ราคา

ในทางกลับกันเมื่อมองในตลาดรถหรูตอนนี้ หลายค่ายเริ่มมีการทำราคาออกมาจูงใจจนเหมือนจะเกิดสงครามราคา หรือ Price War ขึ้นเล็กๆ ในอุตสาหกรรมนี้ แต่ทาง Mercedes-Benz ประเทศไทยกลับมองเรื่องนี้เป็นปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับการทำตลาด เพราะผู้ซื้อรถหรูใช้สิ่งอื่นมาตัดสินใจมากกว่าแค่ราคา

“ตอนนี้เราเป็นเบอร์หนึ่งรถยนต์หรู และที่เป็นอย่างนี้ได้ก็เพราะเรื่องคุณภาพรถยนต์ และบริการหลังการขาย ถ้าไปแข่งราคาหนักๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก ดังนั้นเมื่อค่ายคู่แข่งทำราคาลงมาแข่ง ทาง Mercedes-Benz ก็ไม่มีนโยบายที่จะทำตาม”

EQ หรือรถยนต์ตระกลู Plug-in Hybrid ของ Mercedes-Benz

ก่อนหน้านี้คู่แข่งตลอดกาลอย่าง BMW มีการทำโปรโมชั่นโดยดีลเลอร์นำรถยนต์ระดับเดียวกับ C-Class ลดราคาลงมาเหลือ 1.99 ล้านบาท แต่จำกัดจำนวนเพียง 100 คัน นอกจากนี้ค่ายรถยนต์หรูอื่นๆ เช่น Audi ก็เริ่มกลับมาทำตลาดจริงจังมากขึ้น ทำให้ตลาดรถหรูหลังจากนี้น่าจะแข่งขันกันอย่างสนุก

สรุป

ปัจจุบัน Mercedes-Benz มีการปรับแบรนด์ตัวเองให้เด็กลงมากขึ้น จากเดิมที่ตัวแบรนด์อาจจะตอบโจทย์แค่ผู้มีอายุ หรือผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น ซึ่งการทำแบบนี้เท่ากับช่วยให้บริษัทขยายตลาด และเพิ่มโอกาสการเติบโตได้อัตโนมัติ ซึ่งต้องคอยจับตามองว่าจากนี้ไปค่ายดาวสามแฉกจะมีใครมาแย่งชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งได้หรือไม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา