แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงไทยจะมีช่วงขาขึ้นมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่นักลงทุนยังต้องหาผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องดังนั้น เพื่อจับรอบทำกำไรอีกครั้งก็ต้องทำการบ้านกันให้เยอะขึ้น วันนี้ Brandinside ขอเสนอข้อมูลจากกูรูทิสโก้มาเป็นตัวช่วยในการลงทุนได้ง่ายขึ้น

ทิสโก้ แนะนักลงทุนหาจังหวะขายทำกำไรปลายปี 61
คมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ บอกว่า ในไตรมาส 4 ปี 2561 นี้คาวดว่าตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน เพราะมีปัจจัยหนุนจากการเติบดตของเศรษฐกิจ และเห็นแนวโน้มสดใสจากกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อย่างบจ.ในดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ไตรมาส 2/2561 มีกำไรเติบโตสูงถึง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนบจ.ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก็ไม่น้อยหน้า เพราะผลกำไรในไตรมาส 2 ปี 2561 ก็เติบโต 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
แต่ตลาดหุ้นก็มีปัจจัยเสี่ยงที่จะปรับตัวลง คือ หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับเพิ่มขึ้นเกินกว่า 3.3% จะเริ่มกดดันมูลค่าหุ้น (Valuation) ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงได้ ในไตรมาส 4 ปี 2561 ต้องจับตามองใน 2 ส่วนได้แก่
- ในไตรมาสที่ 3-4 ปี 2561 สหรัฐฯ เพิ่มปริมาณการออกพันธบัตรรัฐบาลสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตทางเงินปี 2551 เพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลงจากนโยบายลดภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐ
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ตัดสินใจขยายกรอบการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เป็น -0.2% ถึง +0.2% จากเดิมซึ่งอยู่ระหว่าง -0.1% ถึง +0.1% ส่งผลให้ Bond Yield อายุ 10 ปี ของญี่ปุ่น ทะลุ 0.1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการใช้มาตรการ Yield Curve Control ในปี 2559 และทำให้ Bond Yield ทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้นตาม
ดังนั้น เราเห็นแนวโน้มว่าตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4 ปีนี้ และมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานในปี 2562 จึงแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาหาจังหวะขายทำกำไรในช่วงปลายปี 2561 นี้
ทิศทางปี 2562 เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเพิ่มความเสี่ยงตลาดหุ้นทุกภูมิภาค
ปี 2562 ต้องยอมรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นค่อนข้างสูง หลักๆ เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวจากหลายสาเหตุ ได้แก่
- ผลกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลดภาษีของสหรัฐฯ เริ่มทยอยหมดลง
- ผลกระทบจากสงครามทางการค้าจะเริ่มเห็นชัดขึ้น
- เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีความเสี่ยงชะลอตัวจากการขึ้นภาษีบริโภคระลอกสองในช่วงเดือน ต.ค.
- การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงินอ่อนค่ารุนแรงในช่วงนี้
ส่วนในปี 2562 สภาพคล่องของโลกจะมีแนวโน้มลดลงเนื่องจาก ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ทยอยถอนสภาพคล่องออกจากตลาดอย่างต่อเนื่อง ฝั่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็จะยุติ QE (การเพิ่มสภาพคล่องในตลาด) ภายในสิ้นปี 2561 รวมถึง BoJ ก็ทยอยลดการซื้อสินทรัพย์ลงอย่างต่อเนื่อง จากทั้งหมดนี้น่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงนั่นเอง
สรุป
ไตรมาส 4 ปี 2561 เรียกว่าเป็นช่วงที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก และเศรษฐกิจหลายประเทศน่าจะดีที่สุดในรอบปี ขณะเดียวกันทิศทางของปี 2562 เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวอีก ดังนั้นกูรูการลงทุนอย่างทิสโก้ เลยแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะเทขายภายในปีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเจอในปีหน้า ซึ่งการจะลงทุนในอะไรก็ตามนักลงทุนต้องศึกษา และทำความเข้าใจอย่างเต็มที่เสียก่อน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา