ปฏิเสธไม่ได้ว่า XC40 ของ Volvo คือรถยนต์อีกรุ่นที่หลายๆ คนเฝ้ารอ ยิ่งกระแส SUV กำลังมาทั้งในไทย และทั่วโลก ก็ยิ่งทำให้ค่ายรถยนต์จากสวีเดนรายนี้ต้องเร่งทำตลาดเข้าไปใหญ่ เพราะหากตามไม่ทันก็อาจตกขบวนได้
2 ล้านบาทกับราคาที่หลายๆ คนก็อยากลอง
ก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์หรูในประเทศไทยอย่าง Mercedes-Benz, BMW และแบรนด์รองอื่นๆ สนุกสนานกับการจำหน่ายรถยนต์ SUV ขนาดเล็ก แต่ไม่ใช่กับ Volvo ที่มีแต่รถยนต์ SUV ขนาดกลางจนไปถึงใหญ่ แม้จะอยากนำรถยนต์แบบดังกล่าวมาทำตลาด แต่ก็ติดปัญหาเรื่องการนำเข้า XC40 ที่ผลิตในมาเลเซียเข้ามาที่ไทย
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า หลังจากคลี่คลายปัญหาต่างๆ เสร็จสิ้น XC40 ก็สามารถทยอยส่งมอบให้กับผู้สั่งจองได้ภายในเดือนม.ค. และเพื่อกระตุ้นการทำตลาด และส่งเสริมการเติบโตของยอดขาย จึงตั้งราคาเริ่มต้นของรถยนต์รุ่นนี้ที่ 2.09 ล้านบาท
“ถือเป็นราคาที่จูงใจผู้ซื้อ และด้วยสมรรถนะของรถยนต์รุ่นนี้ ประกอบกับความน่าเชื่อถือเรื่องความปลอดภัยของ Volvo ก็น่าจะดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาจองซื้อ XC40 จนรถยนต์รุ่นนี้จะเป็นกำลังหลักของเราในการเพิ่มยอดขายของปี 2562 อย่างแน่นอน หลังยอดขายหลักๆ ของเรามาจากกลุ่ม SUV มากกว่า Sedan”
อนาคตอาจมีเครื่องยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือก
สำหรับ XC40 ที่ทำตลาดในประเทศไทยประกอบด้วย 3 รุ่นย่อยคือ XC40 T4 Momentum กับ XC40 T4 Momentum with white roof เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ราคา 2.09 ล้านบาทเท่ากัน และรุ่น XC40 T5 AWD R-DESIGN ที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 2.39 ล้านบาท
“จริงๆ แล้ว XC40 ไม่ได้มีแค่เครื่องยนต์เบนซิน แต่ยังมีเครื่องยนต์ดีเซล และ Plug-in Hybrid ซึ่งในอนาคตทางสาขาประเทศไทยอาจนำเข้ามาจำหน่ายก็ได้ แต่ต้องดูผลตอบรับจากการทำตลาดทั้ง 3 รุ่นย่อยนี้ก่อน แต่เชื่อว่าที่เราทำราคาออกมาขนาดนี้ ก็น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมในตลาด SUV ขนาดเล็กได้ไม่มากก็น้อย”
เมื่อตรวจสอบในตลาดดูแล้วจะพบว่า SUV ขนาดเล็กของ Mecerdes-Benz รุ่น GLA นั้นมีราคาเริ่มต้น 2.14 ล้านบาท และ BMW รุ่น X1 จะมีราคาเริ่มต้น 2.259 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า XC40 ของ Volvo นั้นมีราคาถูกกว่าคู่แข่งเบอร์ 1 และ 2 ของตลาดรถหรูประมาณหนึ่ง
ครองเบอร์ 3 อย่างยั่งยืนด้วยยอดขายหลักพัน
“ตอนนี้เรายังเป็นเบอร์ 3 ของตลาดรถยนต์หรูอยู่ ผ่านยอดจำหน่ายในปี 2560 ที่ 1,144 คัน แม้จะค่อนข้างห่างเมื่อเทียบกับเบอร์ 1 และ 2 แต่ Volvo ก็ยังเติบโตเหนือกว่าตลาดได้ตลอด ซึ่งปีนี้เราก็คาดว่าจะเติบโตเหนือตลาดเช่นเดิม โดยปีนี้เราคาดว่าตลาดรถหรูจะอยู่ที่ 30,000 คัน เพิ่มขึ้นราว 15-20% จากปี 2560”
อย่างไรก็ตามเพื่อครองใจผู้ใช้ Volvo และดึงดูดผู้ใช้รถยนต์แบรนด์อื่น บริษัทก็เตรียมปรับโฉมโชว์รูม, งานบริการ รวมถึงขยายศูนย์ฯ ให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น จากเดิมมีอยู่ 12 ราย จะขยายให้เป็น 20 รายภายในปี 2565 ถือเป็นปีแรกนับตั้งแต่ 4-5 ปีก่อนที่มีการเดินหน้าแผนขยายดีลเลอร์
ขณะเดียวกัน Volvo เตรียมเดินหน้าทำตลาดรถยนต์มือสองภายใต้ชื่อ Volvo Selekt โดยนอกจากจะกระตุ้นให้ดีลเลอร์ของบริษัททำตลาดรถยนต์มือสอง ยังเตรียมเปิดโชว์รูมสำหรับจำหน่ายรถยนต์แบบนี้โดยเฉพาะภายในปีนี้ด้วย ถือเป็นการพลิกโฉมการทำตลาดของแบรนด์รถยนต์จากสวีเดนในประเทศไทยอย่างแท้จริง
สรุป
หลังจากประสบปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในเรื่องการซ่อมบำรุงไปก่อนหน้านี้ การเร่งสร้างแบรนด์ให้น่าเชื่อถืออีกครั้งของ Volvo ก็ต้องจริงจัง ยิ่งการส่ง XC40 ออกมา พร้อมตั้งเป็นรุ่นความหวังก็ยิ่งต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และล่าสุด Volvo ก็อาจไม่มีตำแหน่ง Service Assistant แล้ว ดังนั้นการซ่อมบำรุงก็น่าจะดีขึ้น เพราะได้คุยกับช่างโดยตรง
แต่ก็ไม่รู้ว่าปัญหาดังกล่าวจะจบลงด้วยดีหรือไม่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา