อ่านเกม “มาชิตะ” โคแบรนด์ “บาร์บีคิวพลาซ่า” พาก้อนออกนอกร้าน พามาชิตะให้แมส

เป็นอีกดีลการตลาดที่น่าสนใจ เมื่อสาหร่ายมาชิตะเดิมเกม Collaboration กับร้านปิ้งย่างบาร์บีคิวพลาซ่าในการออกรสชาติใหม่ แถมยังเป็นพาร์ทเนอร์ในการตลาดหวังขยายฐานลูกค้า แลกเปลี่ยนฐานลูกค้าซึ่งกันและกัน

กระตุ้นตลาดด้วยรสชาติแปลกใหม่

ความร่วมมือกันครั้งนี้ใช้เวลาในการคิด และพัฒนาเวลาครึ่งปี โจทย์เริ่มจากการที่มาชิตะแบรนด์สาหร่ายในเครือสิงห์ คอร์เปอเรชั่นอยากออกสินค้ารสชาติใหม่ที่แปลกแหวกแนวจากเดิม ซึ่งปกติออกรสชาติใหม่ๆ ทุกไตรมาสอยู่แล้ว แต่ก็มาคิดว่าน่าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ในตลาดบ้าง

เพราะโดยปกติแล้วในตลาดจะมีรสชาติเหมือนอาหารทั่วไป เช่น ลาบ ต้มยำ จึงมีความคิดว่าทำไมไม่ทำรสชาติที่เป็นแบรนด์ และต้องเป็นแบรนด์ที่มีความอร่อยด้วยเช่นกัน จึงนึกถึงบาร์บีคิวพลาซ่า

ซึ่งบาร์บีคิวพลาซ่าคนจะนึกถึงน้ำจิ้มที่เป็นจุดเด่น ไอเดียจึงออกมาเป็นรสชาติเบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่าพร้อมกับได้บาร์บีก้อนที่เป็นมาสคอตประจำร้านอยู่บนซองมาชิตะ เป็นเหมือนพรีเซ็นเตอร์อีกคนหนึ่งด้วย

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด บอกว่า

ความร่วมมือนี้เริ่มมีไอเดียที่ว่าต้องการออกอะไรแปลกใหม่ในวงการขนม ไม่อยากทำรสชาติแบบเดิมๆ อยากมีรสชาติแปลกใหม่บ้าง และอยากได้พาร์ทเนอร์มีฐานลูกค้าเยอะ และเป็นแบรนด์ร้านอาหารที่มีสาขาทั่วประเทศ ต้องเป็นแบรนด์กล้าคิดกล้าทำกล้าเล่นกับเราด้วย จงได้มาทำร่วมกับบาร์บีคิวพลาซ่า

การเป็นพาร์ทเนอร์กันในครั้งนี้นอกจากจะมีสาหร่ายรสชาติใหม่แล้ว ยังมีแคมเปญการตลาดมิติอื่นๆ ให้ครอบคลุม ทั้งโปรโมชั่น เมนูอาหาร และกิจกรรมการตลาด เพื่อให้ครอบคลุมทั้งหมด

ตลาดสาหร่ายในปี 2560 มีมูลค่า 2,800 ล้านบาท เติบโต 9.4% เถ้าแก่น้อยยังครองส่วนแบ่งตลาดเบอร์หนึ่งที่ 60% มาชิตะ 17% ซิลีโก 4% และอื่นๆ 19% ซึ่งตลาดสาหร่ายยังมีการเติบโตได้ดีเพราะได้อานิสงส์จากเทรนด์การดูแลสุขภาพ สาหร่ายยังถือว่าเป็นขนมที่กินเพื่อสุขภาพได้อยู่

แลกเปลี่ยนฐานลูกค้าของแต่ละแบรนด์

ความสำคัญของความร่วมมือกันครั้งนี้ของทั้ง 2 แบรนด์ก็คือ การได้ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ หรือเป็นการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้ากันของทั้ง 2 แบรนด์

โดยที่ฐานลูกค้าใหญ่ของมาชิตะจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นเด็กมัธยม มหาวิทยาลัย หรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบเกาหลีเพราะมาชิตะมีพรีเซ็นเตอร์เป็นศิลปินวงเกาหลีอยู่ตลอด

ส่วนบาร์บีคิวพลาซ่าเองก็มีแฟนคลับที่เหนียวแน่น มีจำนวนลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ย 10 ล้านคน/ปี มีฐานสมาชิก 1.5 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว เป้าหมายคือต้องการขยายฐานลูกค้ามายังกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น

ฐานลูกค้าของมาชิตะส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักเรียนม.ปลาย นักศึกษามหาวิทยาลัย เป้าหมายคืออยากได้กลุ่มครอบครัวเพิ่มขึ้น อยากขยายฐานด้วยวิธีใหม่ๆ ไม่อยากเล่นเรื่องราคาอย่างเดียว อยากได้นวัตกรรมใหม่ๆ ถ้าทำสงครามราคาไม่ดีในตลาด ถ้ามีนวัตกรรม และพาร์ทเนอร์ที่ดี ได้ฐานระยะยาว

เป้าหมายใหญ่คือการเข้าถึงลูกค้าที่ยังไม่เคยทดลองทานผ่านแบรนด์ของพาร์ทเนอร์ เช่น ลูกค้าที่ไม่เคยทานมาชิตะแต่เห็นเป็นรสชาติของบาร์บีคิวพลาซ่าก็อยากทดลองว่าถ้ามาอยู่บนสาหร่ายจะเป็นอย่างไร ทำให้เกิดการทดลองทาน อาจจะเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าในอนาคต หรือลูกค้าที่เคยทานแต่มาชิตะแต่ไม่เคยทานบาร์บีคิวพลาซ่า เมื่อได้ลองทานสาหร่ายก็อาจจะอยากลองทานบาร์บีคิวพลาซ่าที่ร้านเลยก็ได้

พาบาร์บีก้อนออกนอกร้าน พามาชิตะเข้าร้านอาหาร

บาร์บีคิวพลาซ่าได้เริ่มเดิมกลยุทธ์มานี้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยการสร้างคาแร็คเตอร์ให้บาร์บีก้อนเป็นเหมือนคนทั่วไป มีไลฟ์สไตล์ สร้างคาแร็คเตอร์ให้แข็งแรง โดยมีการเดินเกมที่ว่าต้องการพาแบรนด์ และบาบีก้อนออกนอกร้าน เป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้น

ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เห็นบาร์บีคิวพลาซ่าเดินหน้าจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับหลายๆ แบรนด์ เพื่อนำบาร์บีก้อนเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ได้แก่ มีกลุ่มบัตรเครดิตได้ทำการชวนบัตรทุกบัตรมาร่วมในโปรโมชั่นรีฟิลได้, แอร์เอเชีย, แกร็บ เมื่อลูกค้าที่เรียกรถและเจอรถที่แร็ปลายบาร์บีก้อนก็นั่งฟรีได้เลย, เป๊ปซี่, Anitech นำบาร์บีก้อนขึ้นไปอยู่บนเครื่องใช้ไฟฟ้า และล่าสุดกับมาชิตะ

บุญย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เล่าว่า

“เราต้องการเป็นแบรนด์ร้านอาหารที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปได้ ควบคู่กับการทำให้บาร์บีก้อนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีไลฟ์สไตล์ ยิ่งบาร์บีก้อนแข็งแรงยิ่งทำให้บาร์บีก้อนไปได้ทุกที่ ต้องการทำให้แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าไปได้นอกร้าน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในร้าน อยู่ในซูเปอร์มาเก็ต บนรถ บนเครื่องบิน ตอนนี้บนเชล์ฟเป็นขนม เป็นจิ๊กซอว์การตลาดอย่างหนึ่ง แต่ฝันใหญ่กว่านั้นอยากทำ License fee ของบาร์บีก้อน หารายได้ให้บาร์บีคิวพลาซ่านอกเหนือจากขายอาหาร แต่เป็นลิขสิทธิ์ของบาร์บีก้อน

ส่วนทางด้านมาชิตะก็ได้ขยายช่องทางการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ จากเดิมที่สามารถเห็นได้ตามร้านค้า แต่ยังกระจายไป 145 สาขาของบาร์บีคิวพลาซ่า โดยที่มีเมนูพิเศษรองรับ

โดยที่ปกติแล้วช่องทางขายใหญ่ของมาชิตะจะมาจากโมเดิร์นเทรด 80% และเทรดิชั่นนอลเทรด 20% ภายในโมเดิร์นเทรดนั้นเป็นร้านสะดวกซื้อ 50%

แต่มาชิตะรสชาติเบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่านี้เป็นรสชาติพิเศษที่อยู่เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ตั้งแต่ 26 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2561 จำหน่ายแค่ที่ช่องทางเซเว่นฯ ต้องดูว่าหลังหมดช่วงนี้จะมีการต่อระยะเวลาหรือไม่ต้องดูผลตอบรับที่ได้ก่อน

สรุป

การจับมือร่วมกันครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันข้ามอุตสาหกรรม แต่มีความน่าสนใจไม่น้อย เป็นนวัตกรรมที่สร้างสีสันให้ตลาด อาศัยความแข็งแกร่งของแต่ละแบรนด์ในการเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งบาร์บีคิวพลาซ่าเป็นแบรนด์ที่มีแฟนคลับเหนียวแน่น เป็นฐานลูกค้าที่มาชิตะต้องการ แต่บาร์บีคิวพลาซ่าก็ต้องการสร้างรายได้จากกลุ่มนอน-เรสเตอรองต์มากขึ้น ก็ต้องหาพาร์ทเนอร์ในการนำแบรนด์ออกนอกร้านให้ได้มากขึ้นเช่นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา