จากร้านอาหารขนาดเล็กที่สยามสแควร์ มีพนักงานแค่ไม่กี่สิบคน แต่ปัจจุบัน เอ็มเค ได้ขยายสาขาเป็นกว่า 400 แห่ง และขึ้นแท่นผู้นำร้านอาหารครอบครัว กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องผ่านอุปสรรค์ และการวางแผนอะไรมากมาย ลองมาศึกษาการเติบโตนี้กับ ฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป กัน
ต้องอบอุ่นตั้งแต่ลูกค้า จนถึงพนักงาน
ฤทธิ์ บอกว่า การเติบโตของ เอ็มเค มาจากการทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในร้าน หรือทั้งลูกค้า และพนักงาน รู้สึกอบอุ่นร่วมไปกับบริษัท โดยในฝั่งของลูกค้าจะเป็นเรื่องเข้ามาแล้วต้องรับรู้ช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น และมีความสุขไปกับการรับประทานอาหารภายในร้าน ผ่านหม้อไฟ กับน้ำจิ้มที่ต่างร้อน และมีรสชาติเผ็ดๆ ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่นเช่นกัน ส่วนในฝั่งพนักงาน บริษัทมีการอบรม และดูแลเป็นอย่างดี เพราะพนักงานเป็นตัวกลางส่งมอบความสุขดีดีระหว่างบริษัท กับลูกค้า
“พนักงานจะเรียกผมว่า น้าฤทธิ์ เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าใครเรียก คุณฤทธิ์ แสดงว่าไม่สนิทจริง และทุกวันนี้ผมก็มองออกว่าใครเป็นพนักงานเอ็มเค เพราะถ้าถุงเท้าขาว รองเท้าบาจา และเดินแบบเร็วๆ ก็พนักงานเอ็มเคแน่นอน ที่รู้เพราะผมเข้าไปดูเรื่องเทรนนิ่งด้วย เพื่อจะส่งความสุขไปให้ลูกค้าได้มากที่สุด ผ่านหัวใจคือ ความสะอาด, ทีมเวิร์ก และมีการปรับปรุงตลอดเวลา ที่สำคัญ การยิ้ม และไหว้ ยังเป็นอีกวัฒนธรรมองค์กรที่สำคัญของเรา จนสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า และมีการกลับมาใช้บริการซ้ำเมื่ออยากมีความสุขกับครอบครัว”
ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเอ็มเค จะรับรู้ได้ถึงความคุ้นเคยและความอบอุ่นที่ได้รับเหมือนๆ กันทุกสาขา
ฟรีโฟโต้ – เอ็มเคแดนซ์ ยกระดับความอิ่มเอิบ
ทั้งนี้ เอ็มเค ได้ใส่ใจกับช่วงเวลารับประทานอาหารของลูกค้า โดยให้คำจำกัดความว่า ช่วงเวลาพิเศษ ดังนั้นการที่ลูกค้าจะได้อะไรมากกว่าอาหารอร่อย ตัวอย่างที่ดีคือ การถ่ายรูป และพิมพ์ พร้อมใส่กรอบให้ฟรีในวันพิเศษ เช่นวันพ่อ, วันแม่, วันปีใหม่ และวันเกิด โดยถ้าเป็นวันเกิด เพียงชูบัตรประชาชน พนักงานก็จะรีบมาถ่ายภาพให้ ถือเป็นการส่งมอบความสุข และความทรงจำให้กับลูกค้า
และทำให้ร้าน เอ็มเค กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ใช้บริการอีกด้วย
อีกเรื่องราวดีๆ ที่หลายคนน่าจะจำได้กับ “เอ็มเค แดนซ์” ที่กลายเป็น Talk of the town ช่วยสร้างการรับรู้ในโลกดิจิทัลให้กับบริษัทที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2505 ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะวัยรุ่น
เพราะสิ่งที่วัยรุ่นเข้ามาในร้าน เมื่อเห็นเอ็มเค แดนซ์ ก็จะรู้สึกสนุก และอยากแบ่งปันให้กับผู้อื่นบนโลกโซเชียล เท่ากับว่า เอ็มเค สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าระดับวัยรุ่นได้เช่นกัน ไม่ได้เป็นแค่ผู้นำในตลาดร้านอาหารครอบครัว แต่ทั้งหมดนี้ต้องวางกลยุทธ์ให้เข้ากับกระแสโลกในตอนนั้น เช่นปัจจุบันกระแสรักสุขภาพกำลังเข้ามา บริษัทก็ต้องเน้นขายผักมากขึ้น จนมีลูกค้ากลุ่มผู้หญิงวัยทำงานเข้ามารับประทานจำนวนมาก
ไม่ได้เด่นแค่สุกี้ แต่อาหารอื่นก็ต้องพัฒนา
เชื่อหรือไม่ เอ็มเคเป็นร้านสุกี้ และมีสัญชาติไทย แต่เอ็มเคกลับเป็นร้านอาหารที่จำหน่ายเป็ดย่างมากที่สุดในโลก!
“บางวันขายได้กว่า 20,000 ตัว ถ้าเทียบกับร้านชั้นนำในฮ่องกง เขาก็ขายแค่หลัก 1,000 ตัวเท่านั้น แต่เราจะยึดติดแค่ความสำเร็จนี้ไม่ได้ ต้องขยายไลน์ออกไปให้มากกว่าเดิม เช่นเปิดร้านเอ็มเค โกลด์ ที่มีรูปแบบ และอาหารที่หลากหลายกว่าปกติ, ยาโยอิ ที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบชุด และเลอ สยาม ร้านอาหารไทย ที่ถือเป็นต้นกำเนิดของบริษัท”
สำหรับรายได้ของ เอ็มเค ในปี 2558 อยู่ที่ 14,478 ล้านบาท ส่วนครึ่งปี 2559 อยู่ที่ 7,820 ล้านบาท ผ่านร้านเอ็มเคมากกว่า 400 สาขา โดยการพัฒนาหลังจากนี้จะเน้นที่นวัตกรรมเกี่ยวกับการบริการ เช่นการใช้หุ่นยนต์เข้ามาเสิร์ฟ จากปัจจุบันที่ลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านแท็บเลตได้ แต่ทั้งหมดนี้ยังเดินอยู่บนฐานแห่งร้านอาหารสำหรับครอบครัว เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้
สรุป
ถึง บาบีคิว พลาซ่า จะเปลี่ยนกระทะใหม่และติดสปีดด้านการตลาด เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำร้านอาหารครอบครัว แต่ด้วยการรับรู้ของแบรนด์ เอ็มเค ที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้นำในตลาดนี้ยังอยู่กับร้านอาหารสุกี้ต่อไป ซึ่งกลุ่มปิ้งย่างจะกลับมาแซงได้หรือไม่ อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับการทำตลาด แก้โจทย์ในใจลูกค้าให้ครบ และอาจต้องให้ฝั่งผู้นำพลาดพลั้ง ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก
อ้างอิง // ภาพจากเว็บไซต์ และเฟสบุ๊ก เอ็มเค
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา