จากฝนตกหนักในลาวทำให้เกิดน้ำท่วม หรือแม้แต่ภาคอีสานของไทย จนไปถึงคลื่นความร้อนในญี่ปุ่นจนทำให้มีผู้เสียชีวิต ย่อมส่งผลให้ส่งผลกับการเติบโตเศรษฐกิจในเอเชีย จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
World Meteorological Organization ได้เตือนสภาพอากาศในช่วงนี้จากคลื่นความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วโลกทำให้มีโอกาสเกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศ รวมไปถึงทำให้เกิดความย่ำแย่เข้าไปอีก
สภาพภูมิอากาศในเอเชียในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าเกิดความผิดปกติเป็นอย่างมาก เช่น น้ำท่วมในเวียดนามและลาว คลื่นความร้อนในญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ หรือแม้แต่ฝนตกหนักในภาคอีสานของไทย ส่งผลกระทบไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย และรวมไปถึงในด้านอื่นๆ ด้วย
ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแต่ละประเทศเพิ่มขึ้น
จากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศเวียดนาม ทำให้รัฐบาลต้องจัดสรรเงินมากถึง 2,580 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายถ้าหากเกิดภัยพิบัติ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 50% หรือแม้แต่เหตุการณ์เขื่อนแตกในประเทศลาว อาจทำให้รัฐบาลลาวต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้นเพื่อจะบรรเทาทุกข์ของประชาชนในจังหวัดอัตตะปือ
ไม่เว้นแม้แต่ประเทศญี่ปุ่นที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันตกของประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องจัดสรรเงินมากถึง 2,440 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลังน้ำท่วม
โดยงบประมาณของรัฐที่ใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชน และซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างจะทำให้ฉุดการเจริญเติบโตของประเทศในเอเชียเหล่านี้เช่นกัน
ฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
รายงานฉบับล่าสุดของธนาคารโลกได้รายงานว่าถ้าหากโลกร้อนขึ้น และผลกระทบจากพายุมรสุมที่หนักขึ้น อาจทำให้ประเทศในเอเชียใต้อย่างอินเดียอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ถึง 2.8% ของ GDP ภายในปี 2050 ขณะที่ประเทศศรีลังกา ธนาคารโลกคาดว่าค่าใช้จ่ายของประเทศจะเพิ่มขึ้นปีละ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปัญหาสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง
สำหรับประเทศไทยจากรายงานของมหาวิทยาลัย Stanford ได้รายงานว่าถ้าหากภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงจะทำให้ GDP ต่อหัวลดลงมากถึง 50% ในปี 2100
ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ปัจจัยที่ทำให้ GDP เติบโตส่วนใหญ่มักจะมาจากการส่งออก และถ้าหากเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมก็มักจะได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งจะเหมือนกับกรณีของน้ำท่วมในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา – Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา