“ประเทศไทยจะไม่เปลี่ยน ถ้าการศึกษาไทยยังไม่เปลี่ยน” คือคำพูดของเจ้าพ่อสตาร์ทอัพแห่งเมืองไทย กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล
ถึงเวลาแล้วที่การศึกษาไทยต้องเปลี่ยนไปจากเดิม เตรียมพบกับโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพสาย EdTech ครั้งแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเปลี่ยนการศึกษาของคนไทยให้ได้ภายในปี 2020
ถึงเวลาต้อง Disrupt การศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยี
กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ผู้จัดการการกองทุน 500 TukTuks และ Disrupt ประกาศเปิดตัวโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้าน EdTech ในชื่อ StormBreaker Venture ซึ่งถือเป็น Edtech Accelerator แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- EdTech (Education Technology) คือเทคโนโลยีการศึกษา ที่จะเข้ามา disrupt การศึกษารูปแบบเดิม เช่น ไม่ต้องนั่งฟังคุณครูบรรยายในห้องเรียนอีกต่อไป เพราะนักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ส่วนคุณครูก็ผันบทบาทไปเป็น facilitator หรือผู้ที่คอยอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนแทน
กระทิง บอกว่า การศึกษาไทยอยู่ในขั้นโคม่า และการศึกษาแบบเดิมไม่ตอบโจทย์โลกแห่งเทคโนโลยีที่เติบโตแบบก้าวกระโดดอีกต่อไป “ประเทศไทยจะไม่เปลี่ยน ถ้าการศึกษายังไม่เปลี่ยน เด็กนักเรียนไทยกว่าครึ่งอ่านหนังสือไม่แตก เรียนภาษาอังกฤษมาทั้งชีวิตแต่พูดไม่ได้ หรือเมื่อทำการทดสอบคะแนนคณิตศาสตร์กลับไม่ถึงครึ่ง ส่วนในอีกด้านหนึ่ง ปัญหาของคุณครูไทย คือต้องใช้เวลาส่วนมากไปกับงานเอกสาร ทำให้ประสิทธิภาพในการสอนลดลง และปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยี“
โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้าน EdTech ในครั้งนี้จะถือเป็นโครงการแรกของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเกิดจากความร่วมมือกันของ LINE Thailand, Learn Capital (VC ด้าน EdTech เบอร์ 1 ของโลก), 500 TukTuks II, Beacon Ventures Capital และ TDRI
- สัดส่วนการลงทุนใน StormBreaker Venture เบื้องต้นมี Angel Investor และบริษัทใหญ่ 1 บริษัท ส่วนรายละเอียดจะมีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
เป้าหมายคือ เปลี่ยนแปลงการศึกษาของคนไทย 1 ล้านคน ภายในปี 2020
กระทิง บอกชัดเจนว่า เป้าหมายของโครงการนี้ คือความต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านการศึกษาของคนไทยจำนวน 1 ล้านคนภายในปี 2020 โดยหัวใจหลักคือการปฏิวัติการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยี
การแก้ไขปัญหาการศึกษาจะทำใน 2 ด้าน ด้านแรกคือการเรียนรู้และพัฒนา เช่น การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ (English For All) ที่จะเข้าไปช่วยเหลือทั้งนักเรียนและคุณครูให้มีศักยภาพในการสื่อสารภาษาอังกฤษ รวมไปถึงการศึกษาในกลุ่มวิชา STEM ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) คณิตศาสตร์ (Mathematics) และการเขียนโค้ด (STEM and Coding for All) ที่ถือเป็นทักษะสำคัญอย่างมากในโลกอนาคต
อีกด้านคือ การใช้เทคโนโลยีเพื่อมาช่วยทำให้งานของคุณครูไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจข้อสอบ หรือจัดการงานเอกสารจำนวนมาก ส่วนในด้านการสอนอาจะใช้เทคโนโลยีคลาวด์มาเป็นพื้นที่กลางเพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้แบบแบ่งปัน เช่น มีการแชร์แผนการสอนกันบนคลาวด์ ทำให้เกิดชุมชนการเรียนรู้ของคุณครูไทย เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้จะทำให้คุณครูไทยกลายเป็น Teacher Of The Future เพราะใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน
โอกาสของสตาร์ทอัพสาย EdTech มาแล้ว
กระทิง ระบุว่า โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ EdTech จะได้ทำงานร่วมกับโรงเรียนพันธมิตรในภาคีเพื่อการศึกษาที่มีภาครัฐเป็นสมาชิกอยู่ด้วย โดยสตาร์ทอัพที่คัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จะได้รับการสนับสนุนขั้นต้นดังนี้
- เงินลงทุนสนับสนุน: ในขั้นแรกจะได้รับเงินลงทุนขั้นต้นตั้งแต่ 500,000 – 1,500,000 บาทต่อบริษัท พร้อมทั้งได้รับการเชื่อมต่อกับนักลงทุนสาย Edtech ในระดับภูมิภาคและระดับโลก
- Mentors และ Advisors ชั้นนำ: ยกตัวอย่างเช่น Michael Staton ที่เป็น Partner ของ Learn Capital และ top 100 innovators in Education ของโลก รวมถึง Luis Pinto ที่เป็น Global Operations Partner ของ Learn Capital และอดีตผู้บริหารของ Microsoft For Education และ Mentors ชั้นนำระดับประเทศที่จะมา Bootcamp แบบ Intensive and Exclusive ตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ของโครงการบ่มเพาะ
- เชื่อมต่อกับ Thailand Education Partners: ทีมที่เข้ารอบจะได้ทดลอง Education Sandbox ใน 3 จังหวัดที่เป็น Partner Schools
- ได้รับการสนับสนุนจาก LINE ประเทศไทย: ทีมจะได้รับการสนับสนุนจาก LINE SCALEUP Package พร้อมทั้งจะได้รับการสนุบสนุนเป็น LINE Official โดยมีโอกาสที่จะได้เป็นหนึ่งในบริการของ LINE และได้รับการลงทุนจาก LINE อีกด้วย
- การเชื่อมต่อกับพันธมิตรชั้นนำในไทย: หาก Product สามารถสร้าง synergy ได้ อาจมีการต่อยอดไปสู่การจ้างงานหลายหมื่นตำแหน่งในบริษัทชั้นนำของไทย
คุณสมบัติของสตาร์ทอัพ EdTech Startup ที่ต้องการมีดังนี้
- ทีมจะต้องประกอบไปด้วยบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทางด้านธุรกิจและเทคโนโลยี โดยในทีมจะต้องมี Programmer และ Developer เป็นของตัวเอง นอกจากนั้นหากทีมใดมีบุคลากรด้านการศึกษา (Education) จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
- ทีมจะต้องมี Product หรือ Prototype/MVP ที่ได้เริ่มทดลองออกสู่ตลาดแล้ว
- ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดเพศ ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะเข้ามาปฏิวัติและเปลี่ยนแปลงการศึกษาและเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ EdTech เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึง 24 สิงหาคม 2561 และจะประกาศผู้เข้าร่วมโครงการในวันที่ 31 สิงหาคม 2561
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่
- https://www.disruptignite.com/accelerator/edtech-accelerator
- https://www.facebook.com/DisruptUniversity/
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา