อสังหาริมทรัพย์แบบลีสโฮลด์ (Leasehold) หรืออสังหาริมทรัพย์ในแบบสิทธิการเช่าที่ถือครองกรรมสิทธิ์ตามช่วงระยะเวลามีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นในเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
ด้วยเหตุผลที่สำคัญคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปโดยคำนึงถึงความคุ้มค่า และการจัดสรรทรัพยากรมากขึ้น ทำให้ความคิดของผู้บริโภคจากที่จะต้องเป็นเจ้าของทุกอย่างเปลี่ยนไป หากการเป็นเจ้าของเพียงระยะหนึ่ง อาจจะตอบโจทย์ได้มากกว่า
ทั้งนี้เป็นไปตามกระแส Sharing Economy หรือแนวคิดสังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วหลังยุคดิจิทัล และเป็นเบื้องหลังแนวคิดของการกำเนิดขึ้นของธุรกิจที่พัก AirBNB หรือธุรกิจเช่ารถยนต์หรูแบบ On Demand
ในขณะเดียวกัน เหตุผลสำคัญสำหรับการพัฒนาพื้นที่ในประเทศไทยก็คือพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD (Central Business District) อย่างทำเลเพลินจิต ชิดลม หลังสวน ราชดำริ ที่เป็นที่ดินแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) เริ่มเหลือน้อยลงเต็มที และเป็นเจ้าของได้ยากขึ้น เมื่อมีการนำที่ดินแบบลีสโฮลด์มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย จึงได้รับการตอบรับดีไม่แพ้โครงการในแบบฟรีโฮลด์เลย
รูปแบบของลีสโฮลด์
ลีสโฮลด์มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่ผู้พัฒนาที่ดิน (Developer) เช่าพื้นที่จากเจ้าของที่ดิน (Landlord) แล้วนำมาพัฒนาเป็นโครงการต่างๆ ซึ่งเมื่อพัฒนาเสร็จแล้วก็จะจัดตั้งนิติบุลคลเป็นผู้ดูแลโครงการต่อ เมื่อครบอายุสัญญาเช่าที่ดิน อาคารก็จะตกกลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน ซึ่ง model นี้ ทำให้ลีสโฮลด์ ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากอาคารจะขาดการดูแลรักษา และเสื่อมโทรมเมื่อใกล้จะครบสัญญาเช่า ส่วนอีกแบบหนึ่ง คือ เจ้าของที่ดิน (Landlord) เป็นผู้พัฒนาโครงการเองจนแล้วเสร็จ และยังคงบริหารจัดการโครงการอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาคารได้รับการดูแลรักษาให้มีสภาพดีอยู่เสมอ
หากพูดถึงโครงการลีสโฮลด์แบบที่เจ้าของที่ดินเป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการโครงการนั้น คงจะต้องนึกถึง สยามสินธร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบลีสโฮลด์ ซึ่งได้เปิดตัวโครงการ “สินธร วิลเลจ” (Sindhorn Village) ย่านหลังสวน แลนด์มาร์คสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ประกอบไปด้วย คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ รวม 5 อาคาร (Sindhorn Residence / Sindhorn Tonson / Sindhorn Lumpini / Baan Sindhorn และโครงการที่จะเป็น Branded Residence) โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ 3 อาคาร และพื้นที่ค้าปลีก (Walking Street)
เป็นสิทธิการเช่าครั้งละ 30 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีกครั้งละ 30 ปี โดยสยามสินธรจะเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการเองทั้งหมด ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งทั้งเพื่อการอยู่อาศัย และลงทุนปล่อยเช่าทำกำไรในอนาคต
นอกจากนื้ ทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ CBD ที่เป็นทั้งออฟฟิศทำงาน สถานศึกษาชั้นนำ โรงพยาบาล และแหล่งช้อปปิ้ง เดินทางสะดวก โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว นั้นยังเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าต่อได้ง่ายกว่า
ด้านราคาซื้อขาย ลีสโฮลด์จะมีระดับราคาที่ถูกกว่าราคาซื้อขายแบบฟรีโฮลด์ในย่านเดียวกันมากถึง 40% ในมุมมองของนักลงทุน นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้โครงการแบบลีสโฮลด์ เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เพราะต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่มีโอกาสในการปล่อยเช่าได้ในอัตราค่าเช่าเดียวกับแบบฟรีโฮลด์ ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้โครงการแบบลีสโฮลด์มีโอกาสในการสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าฟรีโฮลด์
สรุป
การเป็นเจ้าของที่พักอาศัยแบบลีสโฮลด์นั้นมองข้ามไม่ได้เลย โดยเฉพาะทำเลย่านใจกลางเมืองอย่างหลังสวน ต้นสน ที่จะเป็นเจ้าของได้ยากขึ้น สินธร วิลเลจ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าทั้งอยู่เองและซื้อเพื่อลงทุน เปิดโอกาสแห่งทางเลือกใหม่ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่า และการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพในทุกมิติ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sindhornvillage.com หรือเฟซบุ๊ค @sindhornvillage
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา