อะไรที่ไม่จำเป็นก็ทิ้งไป! Tesla เลิกเชื่อมโครงสร้าง 300 จุด เพิ่มความเร็วการผลิต Model 3

แม้จะเขย่าวงการรถยนต์ได้มากแค่ไหน แต่ Tesla ของ Elon Musk ก็ยังผลิตรุ่น Model 3 ที่จะมาตอบโจทย์ Mass-Market ไม่ได้ตามที่บอกสักที จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อเร่งเครื่องการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้

Tesla Model 3

ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกเพื่อเร่งเครื่องการผลิต

หลังจากเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 มาตั้งแต่เดือนก.ค. 2560 ผ่านคำสัญญาว่าจะผลิตได้กว่า 5,000 คัน/สัปดาห์ภายในสิ้นปี 2560 แต่ในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนก็เพิ่งผลิตได้เฉลี่ยได้แค่ 2,425 คัน/สัปดาห์เท่านั้น เรียกได้ว่าห่างไกลกับยอดจองที่ถาโถมเข้ามาหลายแสนคันเลยเดียว

จึงเป็นโจทย์ที่สุดแสนจะท้าทายของ Elon Musk ในการส่งรถยนต์ไฟฟ้าไปบุก Mass-Market ด้วยราคาเริ่มต้น 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.15 ล้านบาท) ทำให้วิศวกรภายในต่างช่วยกันแก้ปัญหานี้ ซึ่งสุดท้ายมันก็ออกมาว่า Model 3 หลังจากนี้จะยกเลิกจุดเชื่อมโครงสร้างทั้งหมด 300 จุด เพราะมันไม่มีความจำเป็น

Tesla Model 3

โดยปกติแล้วการผลิตรถยนต์ของ Tesla นั้นจะใช้หุ่นยนต์ในการผลิตเกือบจะทั้งหมด ทำให้การยกเลิกการเชื่อมโครงสร้างครั้งนี้ก็น่าจะต้องใช้เวลาตั้งค่าหุ่นยนต์ใหม่สักเล็กน้อย แต่ก็น่าจะตามมาด้วยการผลิตที่เร็วขึ้น และน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 5,000 คันได้ดีกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม Tesla เคยแก้ไขการผลิตที่ล่าช้าของรุ่น Model 3 มาครั้งหนึ่งแล้ว หลังตัวเซ็นเซอร์ตรวจสอบว่ารถยนต์เสร็จสิ้นจากขั้นตอนพ่นสีมักมีปัญหาบ่อย ทำให้ขั้นตอนในการผลิตมักติดขัด จนบริษัทต้องสร้างเต็นท์ขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการตรวจสอบพ่นสีโดยเฉพาะ

Elon Musk

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา Elon Musk ออกมาประกาศว่า ตัวโรงงานหลักที่ใช้ผลิต Model 3 นั้นสามารถผลิตได้ 5,000 คัน/สัปดาห์แล้ว และเมื่อรวมกับการผลิตรุ่น Model S และ X ก็จะผลิตได้ถึง 7,000 คัน/สัปดาห์ ถือเป็นอีกหลักหมุดที่สำคัญในการเดินหน้าทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ครั้งนี้

สรุป

การฟื้นกำลังการผลิตให้กลับมามากขนาดนี้นับเป็นสัญญาณที่ดีทั้งฝั่งนักลงทุน และฝั่งผู้ซื้อเอง เพราะเมื่อผลิตได้เยอะ การจำหน่ายก็น่าจะทำได้ดีขึ้นแน่ๆ และยิ่งมีการแก้ไขขั้นตอนการผลิต ก็น่าจะทำให้การผลิตนั้นเร็วขึ้นไปอีก และไม่แน่ Model 3 อาจเจาะ Mass-Market ได้จริงก็เป็นได้

อ้างอิง // Quartz, Electrek

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา