บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ได้รายงานงบการเงินไตรมาส 1 ของปี 2561 โดยกำไรในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ยอดขายสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์เติบโต ยอดขายจากลุ่มค้าปลีกที่เติบโตด้วย
ไตรมาส 1 ของ BJC กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,445 ล้านบาท มากกว่าไตรมาส 1 ปีที่ผ่านมาถึง 49.8% ถ้าหากไม่รวมกำไรพิเศษของบริษัท จะเติบโตอยู่ที่ 30% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว
รายได้รวมของไตรมาสนี้อยู่ที่ 41,075 ล้านบาท เติบโต 4.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีทีผ่านมา รายได้รวมในไตรมาสนี้เติบโตขึ้นเนื่องจาก ยอดขายของกลุ่มสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเติบโต 13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว และยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเติบโต 4.7% ส่วนยอดขายของกลุ่มค้าปลีก (เช่น Big C) เติบโต 4.4% และกำไรสุทธิเติบโต 8.6%
ในส่วนของกิจการต่างประเทศของบริษัท บริษัทยังได้กำไรสุทธิที่ดี ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินเวียดนามดอง และยอดขายที่ลดลงก็ตาม
ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทไตรมาสนี้อยู่ที่ 38,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว สาเหตุมาจาก ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการจัดจำหน่ายและการขายในส่วนของกิจการค้าปลีก
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร อยู่ที่ 1,156 ล้านบาท ลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว
โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดสาขามินิบิ๊กซีเพิ่ม 24 สาขา ไฮเปอร์มาร์เก็ต 2 สาขา ทำให้บริษัทมีสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต 142 สาขา บิ๊กซีมาร์เก็ต 60 สาขา มินิบิ๊กซี 665 สาขา (รวมสาขาแฟรนไชส์แล้ว) ร้านขายยาเพรียว 136 สาขา
ที่มา – ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา