หลังจากที่ Avengers: Infinity War หนังเรื่องที่ 19 ในจักรวาล Marvel เข้าโรงฉาย พร้อมทั้งกวาดรายได้เปิดตัวทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล ในปัจจุบัน
- Brand Inside ชวนถอดบทเรียนธุรกิจผ่าน ความสำเร็จของ Marvel กันหน่อยว่า มีอะไรให้เราเรียนรู้ได้บ้าง?
1. โฟกัสกับสินค้าที่คุณทำได้ดีที่สุด
Kevin Feige ประธานบริษัทมาร์เวลสตูดิโอส์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ตอนแรกทั้งเขาและทีมงานไม่ได้มีความคิดที่จะสร้างจักรวาลหนังขึ้นมา เพราะคิดเพียงแค่ว่าจะสร้างหนัง Iron Man, Hulk และ Thor ที่ดีที่สุดออกมาได้อย่างไร
แต่มาถึงวันนี้ ใครจะไปคิดว่า การบรรจงสร้างหนังฮีโร่แต่ละตัวออกมาอย่างดีที่สุด จะนำมาสู่การจับมัดรวมกันจนกลายเป็นจักรวาลหนังที่ดำเนินเรื่องมากว่า 10 ปี และครองใจสาวกทั่วโลกไปเรียบร้อยแล้ว (แถมยังไม่จบแค่นี้ เพราะหนังในจักรวาล Marvel ยังมีภาคต่อ อย่างน้อยๆ มีแผนถึงปี 2020)
บทเรียนข้อแรกที่ Marvel สอนเราก็คือ จงมุ่งมั่นทำในสิ่งที่คุณทำได้ดีให้ดีที่สุด เพราะใครจะรู้ว่าวันหนึ่งในอนาคต มันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อ(ธุรกิจของ)คุณจนคาดคิดไม่ถึงก็เป็นได้
2. ไม่กลัวที่จะทิ้งบางสิ่ง (เพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่)
“ต่อให้ต้องเสียเงินทำหนังไปอีกสัก 3 เรื่องก็ยอม หากว่ามีความคิดดีๆ ในหนังสัก 1 เรื่อง”
Feige ประธานบริษัทมาร์เวลสตูดิโอส์ เคยบอกไว้ว่า ทุกคนในบริษัทจะเข้าใจดีว่า การผลิตหนัง 1 เรื่องสำคัญกว่าภาพรวมของ(จักรวาล)หนังทั้งหมด ดังนั้น หากมีความคิดดีๆ สำหรับหนังสัก 1 เรื่อง ทางบริษัทก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่กลับกัน หากความคิดนั้นดูไม่ดี หรือถึงที่สุดแล้วอาจจะมาทำลายภาพรวมของหนังทั้งหมด บริษัทก็พร้อมที่จะโบกมือลาและทิ้งความคิดนั้นไป
ข้อนี้สอนเราให้เห็นถึง “ความยืดหยุ่นแต่เด็ดขาด” หมายความว่า ถ้าเห็นความเป็นไปได้ในใหม่ๆ ให้เปิดรับแล้วนำมาปรับใช้อย่างเต็มกำลัง เพราะนั่นอาจเป็นโอกาสสำคัญครั้งใหญ่ แต่ถ้าความคิดนั้นดูไม่เข้าท่า ก็อย่าทู่ซี้ทำลงไป เพราะผลจากการฝืน ไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน
3. ไว้ใจผู้ร่วมงานคนอื่นๆ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพ
ในการทำธุรกิจ การต้องร่วมงานกับผู้อื่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ “การไว้ใจผู้ร่วมงาน”
ถ้าใครที่เป็นแฟนหนังในจักรวาล Marvel คงจะทราบกันดีว่า ก่อนหน้าที่ Avengers: Infinity War จะออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ โดย 2 ผู้กำกับพี่น้องรุสโซ ทาง Marvel ได้ส่งภาพยนตร์ออกมาก่อนหน้า 2 เรื่อง โดยใช้ผู้กำกับคนละคน
- เรื่อง Thor: ragnarok ผู้กำกับคือ Taika Waititi
- ส่วนเรื่อง Black Panther ผู้กำกับคือ Ryan Coogler
ประเด็นคือ Marvel มอบโจทย์ให้ผู้กำกับแต่ละคนไปว่า ขอให้สร้างสรรค์บทภาพยนตร์ รวมถึงตัวละคร และฉากต่างๆ ออกมาอย่างเต็มที่ เอาชนิดที่ผู้ชมไม่เคยได้พบได้เห็นมาก่อนเลยก็ได้ ส่วนผลลัพธ์เป็นอย่างที่เห็นคือ ภาพยนตร์ของ Marvel 3 เรื่องหลังมานี้ได้รับการตอบรับชนิดถล่มทลาย ติดอันดับ 1 ใน 10 รายได้สูงสุดของหนังในจักรวาล Marvel ทั้งหมด ดู 10 อันดับรายได้สูงสุดได้ที่นี่
บทเรียนข้อนี้สอนเราอย่างหนึ่งว่า การไว้ใจผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ในทีมถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการทำธุรกิจ แต่ทั้งนี้อาจต้องเสริมไว้ด้วยว่า การที่เราจะไว้ใจใครในทางธุรกิจนั้น อาจต้องเกิดจากการได้เห็นฝีไม้ลายมือของคนๆ นั้นเสียก่อน เพราะถ้ายังไม่รู้สึก “เชื่อมือ” การจะไว้ใจให้ทำงานใหญ่ก็อาจเกิดขึ้นได้ยาก
4. สร้างความรู้สึกร่วมแบบประวัติศาสตร์ (ที่ต้องดำเนินต่อไป)
ข้อนี้น่าสนใจ เพราะอย่างที่ทุกคนเห็นคือ Marvel ในรูปแบบภาพยนตร์มีการดัดแปลงจากรูปแบบหนังสือในหลายส่วน ตรงนี้สำคัญ เพราะในทางธุรกิจแล้ว Marvel ต้องการให้จักรวาลหนังเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มแฟนหรือสาวกเดนตายที่ติดตามมาอย่างเหนียวแน่นผ่าน Comics เท่านั้น
บทเรียนธุรกิจข้อนี้บอกกับเราว่า การสร้างแบรนด์ให้มีประวัติศาสตร์หรือความทรงจำร่วมกับผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแบรนด์ได้เข้าไปนั่งในใจของผู้บริโภคเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาที่แบรนด์นั้นๆ จำเป็นต้องเติบโตขึ้นในทางธุรกิจ การปรับเปลี่ยน (ประวัติศาสตร์/ความทรงจำของสินค้า) บางประการเพื่อทำให้สินค้าเข้าสู่กระแสหลักก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะนี่คือหนทางสำคัญที่จะทำให้สินค้านั้นเติบโตขึ้นอย่างมากในทางธุรกิจ
ข้อมูล – Entrepreneur,VanityFair
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา