Subway เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง ประกาศปิดสาขาจำนวน 500 แห่งทั่วทวีปอเมริกาเหนือ
Suzanne Greco ซีอีโอของ Subway ให้เหตุผลของการปิดสาขาครั้งนี้ว่า “จำนวนร้านไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง” คำถามก็คือ ทำไมผู้บริหารจึงพูดเช่นนี้ อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังของเรื่องนี้
ทำไม Subway ถึงต้องสั่งปิด 500 สาขาทั่วทวีปอเมริกาเหนือ?
ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า Subway คือเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
- Subway มีจำนวนสาขา 26,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ส่วนในระดับโลกมีสาขามากถึง 43,700 แห่ง
- ในขณะที่คู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง McDonalds มีสาขาเพียง 14,000 แห่งเท่านั้นในสหรัฐอเมริกา ส่วนในระดับโลกมีสาขาทั้งหมดประมาณ 30,000 แห่ง
แต่ทีนี้ ถ้าวัดกันในด้านของรายได้ยอดขายทั่วสหรัฐอเมริกา พบว่า เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา
- Subway มีรายได้ลดลง 4.4%
- ส่วน McDonalds (ที่มีจำนวนสาขาน้อยกว่า) กลับมีกำไรพุ่งสูงขึ้น 3.4%
พูดง่ายๆ ก็คือ จำนวนสาขาที่มากกว่าไม่ได้ช่วยอะไร เพราะแม้ว่า Subway จะมีสาขามากกว่า แต่ในแง่ประสิทธิภาพของยอดขายสู้ McDonalds ไม่ได้
เมื่อได้เห็นตัวเลขดังกล่าว จะเข้าใจได้แล้วว่า การที่ซีอีโอของ Subway บอกว่า “จำนวนร้านไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง” นั่นก็หมายถึง สาขาที่มีจำนวนมากกว่าไม่ใช่ข้อได้เปรียบในทางธุรกิจแต่อย่างใด
Greco ซีอีโอของ Subway ยังบอกด้วยว่า ต่อจากนี้ไป บริษัทจะหันไปโฟกัสกับสาขาที่เหลือ เพื่อเร่งทำยอดขายแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด อย่างล่าสุดที่ส่งโปรโมชั่น ลดราคา 2 ดอลลาร์ และมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาสั่งซื้ออาหารในร้าน (เฉพาะในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)
อย่างไรก็ตาม Subway ได้เพิ่มบริการสั่งซื้ออาหารผ่านตู้คีออส (ซึ่งคู่แข่งทำมาตั้งนานแล้ว) เรียกได้ว่าถึงจุดนี้ Subway ต้องเร่งทำทุกวิถีทางเพื่อกู้ยอดขายให้กลับคืนมา เพราะยอดขายในปัจจุบันถือเป็นยอดขายที่ตกต่ำครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา